วันพฤหัสบดี ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2568 13:59 น.

ภูมิภาค

พนง.สอบสวนส่งสำนวนพี่ชายของ แป้ง นาโหนด ให้สำนักงานอัยการจังหวัดพัทลุงพิจารณาส่งฟ้อง

วันพุธ ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566, 19.33 น.

ผู้สื่อข่าว จ.พัทลุง รายงานว่า จากกรณีที่ พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวิลภิญโญ รอง ผกก.6 พ.ต.ต.แดนรบ สมัยชูเกียรติ สว.กก.6 นายตำรวจที่เกี่ยวข้อง พร้อมพวก และ พ.ต.ท.ศิริพงศ์ สุขแก้ว สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง ร่วมกันนำหมายค้นของศาลจังหวัดพัทลุง เข้าค้นบ้านพักนายกษิชาติ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี อยู่บ้านในพื้นที่ ต.นาโหนด อ.เมือง จ.พัทลุง ซึ่งนายกษิชาติ  เป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ซึ่งนายกษิชาติฯ เป็นญาติผู้พี่ของนายเชาวลิตฯ (แป้ง นาโหนด) นั้นโดยจากการตรวจค้นในครั้งนี้ทาง ตร.กองปราบได้พบอาวุธปืนยาว อาวุธปืนสั้น จำนวน 2 กระบอก แต่จากการตรวจสอบพบว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่ถูกต้อง ต่อมาทาง พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวิลภิญโญ รอง ผกก.6 ได้นำนายกษิชาติ ฯ ไปให้ พ.ต.ท.ศิริพงศ์ สุขแก้ว สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง และ ร.ต.อ.วิโรจน์ บุญแข รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง ได้ร่วมกันสอบปากคำ

 
หลังจากนั้นในตอนบ่ายวันเดียวกัน ทางด้าน ร.ต.อ.วิโรจน์ บุญแข รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง ก็ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายกษิชาติ ทองด้วง อายุ 53 ปี ตามความผิดฐานฐาน  ช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดเพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม และ ช่วยด้วยประการใดๆให้ผู้ที่หลบหนีจากการคุมขังตามอำนาจของศาล ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม หลังจากนั้นทางด้าน ร.ต.อ.วิโรจน์ บุญแข รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง ก็ได้ได้นำตัวนายกษิชาติ ฯซึ่งเป็นญาติผู้พี่ของนายเชาวลิตฯ ไปยังศาลจังหวัดพัทลุง เพื่อยืนคำร้องฟ้อง และขอให้ศาลออกหมายขัง โดยทางด้าน นายกษิชาติ ทองด้วง อายุ 53 ปี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 36,000 บาท เพื่อประกันตนเองและศาลได้อนุญาตในการประกันตัวและปล่อยตัวออกมาในเวลาต่อมา ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น

 
ล่าสุด ในเวลาประมาณ 14.00 น.วันนี้ 29 พย.66 ร.ต.อ.วิโรจน์ บุญแข รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีดังกล่าว ได้นำสำนวนการสอบสวนส่งฟ้องสำนักงานอัยการจังหวัดพัทลุง เพื่อให้ทางสำนักงานอัยการได้พิจารณาว่าจะสั่งฟ้องนายกษิชาติ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ตามคำการแจ้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนหรือไม่

 
โดยนายกษิชาติ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี พี่ชายเสี่ยแป้ง เปิดใจ ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเรื่องทั้งหมดได้ให้ทนายเป็นผู้ดำเนินการ พร้อมกันนั้น ในวันที่ 23 ตุลาคม 66 ตนไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มหน้า โรงพยาบาลพัทลุง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเหมารวมว่าตนกดเงินเพื่อชื้อเสบียงอาหารให้เสี่ยแป้ง ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่ ตนกดเงินมา 1 หมื่นบาท เพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าเทอมลูกไปโรงเรียน และผ่อนค่างวดรถ ชึ่งทั้งหมดมีพยานหลักฐาน โดนตนมองว่าสิ่งที่ตนเองโดนกระทำและถูกดำเนินคดีไม่เป็นธรรมกับตนเอง
 
 
ส่วนจดหมายฉบับใหม่ ได้รับการประสานจากทนายความของเสี่ยแป้ง ซึ่งทนายคนดังกล่าวค่อนข้างสนิทสนมเสี่ยแป้งเป็นอย่างมากโดยจดหมายฉบับนี้ สามารถสรุปใจความได้ว่า มีตำรวจ 3 นาย แบ่งเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร 2 นาย และชั้นประทวน 1 นาย เรียกรับสินบนแลกกับการไม่ดำเนินคดี เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท ต่อมาได้มีอัยการเรียกเพิ่มอีก 500,000 บาท แต่เสี่ยแป้งได้ปฏิเสธที่จะจ่ายเงินให้ไป จึงดำเนินการสั่งฟ้องตนเพียงแค่คนเดียว / ให้ตรวจสอบสินค้าในเรือนจำ เนื่องจากมีการขายสินค้าเกินราคากว่าที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด / ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของผู้คุมเรือนจำ ซึ่งเสี่ยแป้งอ้างว่าผู้คุมเรือนจำได้มีการทำร้ายร่างกายผู้ต้องขัง / รวมทั้งให้มีการรื้อฟื้นคดีของตน
 
 
ทั้งนี้ทางศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับเสี่ยแป้ง ถึงเรื่องที่ร้องขอความเป็นธรรมมา แต่ไม่ได้แปลว่าจะเป็นการรับเงื่อนไขของเสี่ยแป้ง ต้องแยกแยะเพราะเสี่ยแป้งมีสถานะเป็นผู้ต้องขัง ส่วนเรื่องที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็เป็นอีกเรื่อง โดยในวันพรุ่งนี้ ว่าที่ร้อยตรี นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ จะนำเรื่องดังกล่าวไปยื่นกับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงยุติธรรม เวลา 09.00 น. ให้ดำเนินการตรวจสอบในเรื่องพฤติกรรมของผู้คุมเรือนจำ และเรื่องการขายสินค้าเกินราคา / เวลา 09.30 น. ไปยื่นหนังสือที่ สำนักงานอัยการสูงสุด ให้ตรวจสอบอัยการคนดังกล่าว / เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินการตรวจสอบตำรวจทั้ง 3 นายที่เสี่ยแป้งกล่าวอ้าง

 
โดยในข้อที่ 3 ที่เสี่ยแป้งพูดถึงพันตำรวจโทศิริรักรักษ์บุญยกหรือคนที่เคยก่อคดีแม่ค้าหอยเมื่อหลายปีที่แล้วเสี่ยแป้งระบุว่าจับปืนเค้าแล้วเอาตังไป 50,000 โดยคนที่เอาตังค์ไปให้ก็คือจ่าแจ้

หน้าแรก » ภูมิภาค