ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายสันติ โอฆะพนม นายอำเภอสังขะผอ.ศป.ปส.อ.สังขะ ได้มอบหมายให้นางสาวนิตยา ศรีงาม ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.สังขะ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ชปส. ร้อย ตชด.214 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสังขะ และสมาชิก อส. ร้อย.อส.อ.สังขะ 8 ได้ร่วมกันตรวจสอบและช่วยเหลือบุคคลตามข้อร้องเรียนผ่านระบบ SURIN DRUG-GIS.COM การร้องเรียนเลขที่ 128858 ในพื้นที่บ้านหนองบัว ม.17 ต.สังขะ อ.สังขะ จ.สุรินทร์  ตามข้อร้องเรียนว่ามีอาวุธปืน และขายน้ำกระท่อมผสมยาแก้ไอ ให้เด็กวัยรุ่นในหมู่บ้านและคนทั่วไป 

จากผลการเข้าตรวจสอบ พบบุคคลตามข้อร้องเรียน เพศชาย อายุ 24 ปี ชื่อนายต้น (นามสมมติ) อาศัยอยู่กับแม่ยาย และแฟนสาว ต.สังขะ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบอาวุธปืน พบน้ำกระท่อมและยาแก้ไอวางจำหน่าย จึงร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมของกลาง ดังนี้   สำเนาธนบัตร 100 บาท จำนวน 4 ฉบับ ยาแก้ไอ ยี่ห้อ Asacog จำนวน 2 ขวด(ล่อซื้อ)  น้ำต้มใบกระท่อมบรรจุขวด จำนวน 3 ขวด (ล่อซื้อ) ยาแก้ไอยี่ห้อ Asacog จำนวน 14 ขวด, ยาแก้ไอยี่ห้อAllergin จำนวน 5 ขวด, ยาแก้ไอยี่ห้อ Diphenyl จำนวน 4 ขวด โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง  

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงได้แจ้งข้อหา “จำหน่ายยาแผนปัจจุบัน(ยาอันตราย)โดยไม่ได้รับอนุญาตและจำหน่ายน้ำต้มใบกระท่อมบรรจุขวดโดยผู้ผลิตนั้นไม่มีใบอนุญาต” ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งสิทธิ์ให้ทราบตามกฎหมาย และควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรสังขะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป      

ตามที่กระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า พระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. 2565 มาตรา 4 ได้กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ หมายความว่า เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ได้กำหนดให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นายอำเภอ ข้าราชการตำรวจ ซึ่งมียศตั้งแต่ ร้อยตำรวจตรี หรือเทียบเท่า ขึ้นไป ฯลฯ เป็นเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2566  เพื่อให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับ พืชกระท่อม ถูกต้องครบถ้วน จึงให้จังหวัดดำเนินการบูรณาการร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดและ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด

และสำหรับหนังสือเวียนดังกล่าว ถือเป็นการ “ติดดาบ” ให้กับคณะทำงานร่วมกระทรวงมหาดไทย กับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ รมว.มหาดไทย กำลังจะแต่งตั้ง รวมถึงชุดปฏิบัติการพิเศษ และฝ่ายปกครองในพื้นที่เพื่อบูรณาการการทำงานตามนโยบายจัดระเบียบสังคมอย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น