พนักงานจ้างเทศบาลเมือง 14 คนที่ถูกนายกเทศบาลเมืองไม่ต่อสัญญาทำงานเมื่อปี 64 เดินทางไปขอบคุณศูนย์ดำรงธรรม หลังจาก รมว.มหาดไทยสั่งให้นายกฯเมือง หยุดปฏิบัติหน้าที่ ระบุเริ่มใจชื้นและเชื่อว่ารักษาการแทนนายกจะรับเข้าไปทำงานอีกครั้ง ขณะนายกยังยืนยันคำเดิมที่ไม่ต่อสัญญาเพราะสภาตัดงบประมาณ

วันที่ 16 ม.ค. 67 อดีตพนักงานภาระกิจเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ จำนวน 7 คนจาก 15 คน ที่ถูกนายสกล ไกรรณภูมิ นายกเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ปลดออกเมื่อปี 2564 เดินทางไปขอบคุณนายชุมพล ภูผานิล ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม จ.บุรีรัมย์ ที่เคยรับเรื่องร้องเรียนเมื่อปี 2564 เกี่ยวกับการถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมจากนายกเทศบาลเมืองบุรีรัมย์

 
5 ต.ค.64 กลุ่มพนักงานจ้างจำนวน 7 คนและผู้สนับสนุน รวมกว่า 50 คน ถือป้ายไปประท้วงที่บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ หลังจากพนักงานจ้างจำนวน 7 คน ถูกเทศบาลไม่ต่อสัญญาให้ ระบุถูกกลั่นแกล้งจากนายกฯ

นายนิวัติ ศรีสุข อายุ 54 ปี หนึ่งใน 14 พนักงานที่ถูกเลิกจ้าง เล่าว่า ตนเองทำงานเป็นพนักงานขับเครื่องจักรกลขนาดกลาง ทำงานอยู่กับเทศบาลมานานกว่า 20 ปี แต่กลับถูกเลิกจ้างกะทันหัน ครอบครัวต้องได้รับความเดือดร้อน ขาดรายได้มานานกว่า 2 ปีตั้งแต่ถูกเลิกจ้าง  

ครั้งนั้นได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรมบุรีรัมย์ ในช่วงเวลาที่ผ่านมากว่า 2 ปี พนักงานที่ถูกเลิกจ้างทุกคน ต่างเฝ้ารอว่าอาจจะมีโอกาสกลับเข้ามาทำงานได้อีก

จนกระทั่งได้รับข่าวดีว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.กระทรวงมหาดไทย ลงนาม สั่งการให้นายสกล ไกรรณภูมิ พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ที่ลงนามไปเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 66

ขณะที่นายชุมพล ภูผานิล ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม บุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังได้รับเรื่องการร้องเรียนได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ตามขั้นตอน ไม่ได้มีการลงความเห็นเพิ่มเติม เพราะหน้าที่จำกัดให้ส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนผลจะออกมาอย่างไรตนไม่ทราบเรื่อง

ผู้สื่อข่าวสอบถามนายสกล ไกรรณภูมิ อดีตนายกเทศบาลเมือง ยังไม่ขอให้ความเห็นใดๆ แต่การเลิกจ้างในครั้งนั้น เคยได้พูดไปตอนที่มีการชุมนุมที่หน้าเทศบาลเมืองบุรีรัมย์

สาเหตุที่เทศบาลไม่ต่อสัญญา เพราะมีพนักงานเกินความจำเป็น เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีการจัดระเบียบการทำงานที่ชัดเจน บางคนไม่ได้ทำงานในตำแหน่งตามสัญญามานานถึง 8 ปี แต่งานในตำแหน่งนั้นสามารถขับเคลื่อนได้ เท่ากับไม่มีความจำเป็น หรือเสียงบประมาณโดยไช่เหตุ อีกทั้งสัญญาระบุชัดเจนว่า “ว่าจ้างปีต่อปี”

ระหว่างรับตำแหน่งในตอนนั้น พบความผิดปกติมากมาย จึงอยากจะเข้ามาปรับแผนใหม่ เพราะสภา(สจ.)จำนวน 18 ที่นั่ง อยู่คนละกลุ่มการเมืองกับนายก ทำให้สภาจัดการกันเอง มีการตัดงบประมาณแต่ละกองออก เพื่อให้เกิดความสมดุลกับงบประมาณที่ทำได้

สำหรับสถานการณ์การเมืองในเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ซึ่งมีการเลือกตั้งกันเมื่อปี 2564 ฝั่งบ้านใหญ่(กลุ่มเพื่อนเนวิน)ได้ส่งนายยุทธชัย พงศ์พณิช ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศบาลเมือง ต่อมาได้มีนายสกล ไกรรณภูมิ ทีมอิสระ สมัครเข้าแข่งขัน ปรากฏว่านายยุทธชัย ได้ 5,046 คะแนน ส่วนนายสกล ได้ 5,583 คะแนน ถือว่าเป็นการล้มช้าง

ส่วนสมาชิกสภาเทศบาล (สจ.)จำนวน 18 คน เป็นของกลุ่มเพื่อนเนวินทั้งหมด ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯเต็มไปด้วยความลำบาก เพราะสมาชิกซึ่งยังเหนียวแน่นกับบ้านใหม่ ไม่ยกมือผ่านงบประมาณใดๆ ทั้งยังตัดงบประมาณออกเพื่อให้งานเดินไม่ได้ จนกระทั่งถูกปลดให้ออกจากตำแหน่งดังกล่าว