วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานเกี่ยวกับหมายงานภารกิจ การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมในพื้นที่อีสาน รวมถึงติดตามการพัฒนาเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยวของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์ 2567 ได้แก่พื้นที่ จ.นครพนม,สกลนคร และ จ.อุดรธานี ส่วนของ จ.นครพนม ถือว่า มีความพร้อมที่จะโชว์ซอฟต์เพาเวอร์ (Soft Power)  เรื่องเส้นทางสายมูเตลู  คู่วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นอีสาน เพื่อที่จะยกระดับเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว ของจังหวัด ยกระดับจากเมืองรองเป็นเมืองหลัก 1 ใน 10 จังหวัดของประเทศ ตามนโยบายรัฐบาล

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 ที่จะถึงนี้ เป็นวันแรกการลงพื้นที่ของคณะนายกรัฐมนตรี โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมเปิดงานนมัสการองค์พระธาตุพนม ประจำปี 2567 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 -25 กุมภาพันธ์ ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ถือเป็นงานบุญเดือนสามที่ใหญ่สุดของภาคอีสาน และจะได้เห็นพลังศรัทธาบ้านพี่เมืองน้อง ทั้งชาวไทยชาวลาวที่มาร่วมงาน เป็นงานท่องเที่ยวที่กระตุ้นเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว เงินหมุนเวียนสะพัดปีละกว่า 100 ล้านบาท

จากนั้นได้ไปพบปะภาครัฐ ภาคเอกชน หอการค้าฯนครพนม ตลอดจนตัวแทนพี่น้องประชาชน ชาวไทยเชื้อสายจีนและเวียดนาม รวมถึงเดินชมชิมช้อป ถนนคนเดิน จุดเช็คอินที่ขึ้นชื่อในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ที่จะเป็นการเตรียมพร้อม สนับสนุนให้ จ.นครพนม เป็นเมืองหลักแห่งการพักผ่อน ส่งผลให้เศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยวชายแดนเติบโตขึ้น  


ทางด้านเจ้าของพื้นที่ ดร.เดือน มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ส.ส.นครพนมเขต 2 พร้อมด้วย นายอนุชิต หงษาดี นายก อบต.โพนสวรรค์ แกนนำครอบครัวเพื่อไทย นายสมนาม เหล่าเกียรติ อดีต สว.นครพนม และคณะได้ร่วมพบปะหารือกับนายธนพัต ทีฆธนานนท์ ประธานหอการค้า จ.นครพนม รวมถึงตัวแทนภาคเอกชน พ่อค้า ประชาชน และ ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ เพื่อหารือสรุปความพร้อม ในการต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะ สำคัญที่สุดคือการโชว์ความพร้อม ศักยภาพด้านการพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของ จ.นครพนม ที่จะรองรับนโยบายการพัฒนาของรัฐบาล ที่จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่มากที่สุด เนื่องจากรัฐบาลได้คัดเลือกให้ จ.นครพนมเป็น 1 ใน 10 จังหวัดที่จะปั้นจากเมืองรองเป็นเมืองหลัก

โดย ดร.เดือน-มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ส.ส.นครพนมเขต 2 พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าสิ่งสำคัญสำหรับการลงพื้นที่ของท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถือเป็นโอกาสดีของชาวอีสาน รวมถึงชาว จ.นครพนม ที่จะได้แสดงถึงศักยภาพความพร้อม ในการยกระดับจากเมืองรอง เป็นเมืองหลัก 1 ใน 10 จังหวัดของประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาล ตนจึงได้หารือร่วมกับภาครัฐ เอกชน ตัวแทนประชาชน เป็นแนวทางที่จะเสนอให้นายกรัฐมนตรี ได้เห็นถึงศักยภาพของ จ.นครพนม ด้านการท่องเที่ยว เพราะมีจุดแข็ง เรื่องเส้นทางสายมูคู่วัฒนธรรม มีงานประเพณีไหลเรือไฟ องค์พระธาตุพนมศูนย์รวมใจชาวพุทธทั่วโลก และมีพระธาตุประจำวันเกิดอยู่ทุกอำเภอ รวมถึงมีสะพานมิตรภาพไทยลาว 3 (นครพนม-คำม่วน) นอกจากนี้ยังมีองค์พญาศรีสัตตนาคราช เส้นทางอันซีนเลียบน้ำโขงเพื่อสุขภาพ


ทั้งนี้ได้มีโอกาสนำสินค้าขึ้นชื่อ เป็นซอฟเพาเวอร์ของ จ.นครพนม ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนในพื้นที่ มีรายได้เพิ่มขึ้น ขานรับการสนับสนุนของรัฐบาล ในการยกระดับการผลิตสินค้าภูมิปัญญาชาวบ้านของทั้ง 12 อำเภอ โดยจะมีการจัดบูธสินค้าโอทอปที่ขึ้นชื่อ การสาธิตกระบวนการผลิตสินค้า ที่สร้างรายได้ให้กับ 12 อำเภอ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีและคณะได้เยี่ยมชม ไปจนถึงการหารือวางแนวทางการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว กับภาครัฐ เอกชน พร้อมลงพื้นที่เยี่ยมชมหมู่บ้านมิตรภาพไทยเวียดนาม ที่ตั้งอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ วีรบุรุษผู้ปลดแอกประเทศเวียดนามออกจากการปกครองของฝรั่งเศส  ถือเป็นจุดแข็งซอฟต์เพาว์เวอร์ส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยว จากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปจนถึงการลงพื้นที่ตรวจติดตามการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ทั้งนี้จะได้เสนอรัฐบาลให้สนับสนุน การเกิดเส้นทางท่องเที่ยว ภายใต้โครงการ 1 อำเภอ 1 แหล่งท่องเที่ยว เพื่อเป็นปฏิทินการท่องเที่ยว จาก 12 อำเภอ สามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอดปี

ดร.เดือน-มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม กล่าวต่อว่าส่วนในการพัฒนาของการคมนาคมขนส่ง ที่จะเชื่อมโยงถึงการพัฒนาเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว ทางกระทรวงคมนาคม ได้ผลักดันการพัฒนาเส้นทางคมนาคม ที่เป็นเส้นทางหลักยังมีปัญหาการจราจรคับคั่ง ช่องทางการจราจรแคบ จะต้องได้รับการพัฒนาขยายให้เป็นถนน 4 เลน ได้แก่เส้นทางระหว่าง อ.ธาตุพนม-อ.นาแก เส้นทางระหว่าง ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม-อ.นาแก และเส้นทางระหว่าง อ.ท่าอุเทน ผ่าน อ.โพนสวรรค์ เชื่อมกับ จ.นครพนม ซึ่งจะมีการพัฒนาตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน พร้อมนำเข้าสู่แผนพัฒนาในปี 2568 เพื่อขอรับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล ที่สำคัญจะเดินหน้าพัฒนาเส้นทางโครงข่ายในพื้นที่อีสาน รวมถึง จ.นครพนมเชื่อมเส้นทางเศรษฐกิจการค้าชายแดน ให้รองรับการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวให้มากที่สุด  และในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่อีสานครั้งนี้ จะได้มีการเสนอขอรับการสนับสนุน ในการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเร่งด่วน  มั่นใจว่าจะส่งผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกด้านตามมาอย่างแน่นอน