เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 20 ก.พ.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวลิต ร่มรื่น กำนันตำบลสำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง และนายประเสริฐ แสงใหญ่ ตัวแทนกลุ่มประชาชนผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงและมลพิษทางอากาศ การขึ้นลงเครื่องบินสนามบินอู่ตะเภา พร้อมด้วยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบกว่า 400 หลังคาเรือน รวมตัวกันที่บริเวณถนนทางเข้าโรงแรมสิรินพลา  ต.พลา อ.บ้างฉาง จ.ระยอง มีชาวบ้านมารวมตัวกว่า 100 คน ผู้ชุมนุมได้ตั้งเต๊นท์ที่ริมขอบถนน ติดป้ายคัดค้าน ที่เต๊นท์และ มีรถแห่กระจายเสียง คัดค้านการทำ EHIA รวมถึงการทำแผนที่เส้นเสียง เรียกร้องขอให้มีการทบทวนโครงการศึกษาความเหมาะสมโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา การประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และ ปัญหาด้านเสียงดัง จากเครื่องบินขึ้นลง หลังบริษัทฯ รับทำประเมินผลกระทบฯ ขีดเส้นสีแดง ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจาก 480 หลังคาเรือน เหลือ 93 หลังคาเรือน ซึ่งการรวมตัวเป็นไปอย่างสงบ ชาวบ้าน พากันน้่งรับประทานอาหารเช้าริมขอบถนน ส่วนที่กลางถนนมีแกนนำผลัดกันพูดปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงเรียกร้อง2ข้อจำนวนบ้านได้รับผลกระทบเส้นเสียง กับทำแผนที่ใหม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม
   
นายชวลิต ร่มรื่น กำนันตำบลสำนักท้อน กล่าวว่า การมารวมตัวที่ ทางเข้าโรงแรมในวันนี้ซึ่งชาวบ้านทราบมาว่า กำลังมีการประชุมของEECแต่มีเพียงชาวบ้านที่ได้รับเชิญเข้าไปเพียง40คน แต่ความจริงชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบมันมากกว่านั้น และการเรียกร้องของพวกเราที่ผ่านมาก็เคยเข้าไปร้องกันถึงสำนักนายกรัฐมนตรี แต่วันนี้เรื่องยังไม่ไปถึงไหน กลับเรียกชาวบ้าน40คนเข้าไปรับฟังความคิดเห็น ทำให้วันนี้ชาวบ้านที่เดือดร้อนอีกกว่า 100 คนจึงต้องมารอหน้าที่ประชุม ไม่ได้เข้าไปภายในโรงแรม ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการทำแผนที่เส้นเสียงครั้งล่าสุด ที่เหลือบ้านเรือนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบลดลงจากครั้งก่อน 480 หลังคาเรือน เหลือเพียง 93 หลังคาเรือน จึงทำให้ชาวบ้านไม่สามารถยอมรับได้กับการทำแผนที่เส้นเสียงในครั้งนี้ ซึ่งไม่รู้ใช้หลักเกณฑ์อะไรมาวัดจึงเหลือหลังคาเรือนเพียง 93 หลังคาเรือนเท่านั้น จึงต้องการให้มีการทบทวนโครงการใหม่ ซึ่งชาวบ้านไม่ได้คัดค้านโครงการสนามบินอู่ตะเภา แต่เป็นการคัดค้านเพื่อความเป็นธรรมจากเสียงขณะขึ้นลงของเครื่องบินที่วัดได้ถึง 80 เดซิเบล ให้มีการพิจารณาการเยียวยาให้เป็นธรรม ขอวอนท่านผู้บริหารประเทศหรือ EEC กองทัพเรือเห็นความสำคัญของชาวบ้านให้สงสารชาวบ้านตาดำๆเราขอแค่ทบทวนเส้นเสียงใหม่โดยให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเข้าไปมีส่วนร่วม และหากยังไม่มีการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของชาวบ้าน เราก็พร้อมจะยกระดับการชุมนุมขึ้นไปอีก