วันเสาร์ ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2568 22:30 น.

ภูมิภาค

กรมประมงประกาศปิดอ่าว 3 เดือน ช่วงฤดูปลาวางไข่

วันพฤหัสบดี ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567, 14.25 น.

วันที่ 28 มี.ค.67 ที่ท่าเทียบเรือศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลกระบี่ ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เป็นประธานในพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่วางไข่เลี้ยงตัวอ่อนฝั่งทะเลอันดามันประจำปี 2567 โดยมีนายอนุวรรตน์โหมดพริ้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ให้การต้อนรับพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการเจ้าหน้าที่กรมประมงสมาคมชาวประมงจังหวัดกระบี่และชาวประมงภูเก็ตตรังพังงาและกระบี่เข้าร่วมพิธีกว่า 500 คน

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เผยว่า เดือนเมษายนของทุกปีเป็นช่วงเวลาที่สัตว์น้ำในบริเวณฝั่งทะเลอันดามันเริ่มมีการผสมพันธุ์วางไข่และเลี้ยงตัวอ่อนเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำและคงความสมดุลทางธรรมชาติและระบบนิเวศให้ยั่งยืนที่ผ่านมากรมประมงจึงได้มีการกำหนดและประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่วางไข่เลี้ยงตัวอ่อนฝั่งทะเลอันดามันมาตั้งแต่ปี 2528 ในช่วงเม.ย.-มิ.ย. ของทุกปีเป็นระยะเวลา 90 วัน
โดยกำหนดเงื่อนไขการทำประมงในเขตพื้นที่บางส่วนของจังหวัดภูเก็ตพังงากระบี่และตรังตั้งแต่ปลายแหลมพันวาอ.เมืองภูเก็ตลงไปถึงปลายแหลมหยงสตาร์อ.ปะเหลียนจ.ตรังครอบคลุมพื้นที่ 4,696 ตร.กม. สำหรับปีนี้จะเริ่มใช้มาตรการระหว่าง 1 เม.ย.–30 มิ.ย.2567

อธิบดีกรมประมง ยังได้เผยถึงผลการศึกษาทางวิชาการของกองวิจัยและพัฒนาประมงทะเลปี 2566 พบว่าในช่วงเวลาที่ใช้มาตรการสัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะปลาผิวน้ำอาทิปลาทูปลาลังปลาสีกุนบั้งและปลาหลังเขียวมีความสมบูรณ์เพศสูงถึงเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์สัตว์น้ำวัยอ่อนทั้งหมดมีความชุกชุมและการแพร่กระจายหนาแน่นสูงในพื้นที่และช่วงเวลาเดียวกันโดยเฉพาะเดือนมิถุนายนที่มีความหนาแน่นของสัตว์น้ำวัยอ่อนทั้งหมดสูงสุด 5,161 ตัวต่อ 1,000 ลูกบาศก์เมตร

และเมื่อพิจารณาอัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมดเฉลี่ยจากเรือสำรวจประมงที่ทำการสำรวจในเขตมาตรการพบว่าช่วงก่อนมาตรการระหว่างมาตรการและหลังมาตรการมีอัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมดเฉลี่ยเท่ากับ 48.117 กิโลกรัม/ ชั่วโมง 114.925 กิโลกรัม/ชั่วโมงและ 316.600 กิโลกรัม/ชั่วโมงตามลำดับ

“จะเห็นได้ว่าในระหว่างใช้มาตรการอัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมดเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2.3 เท่าและหลังมาตรการอัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 6.5 เท่าของช่วงก่อนมาตรการดังนั้นจึงกล่าวได้ว่ามาตรการปิดอ่าวสามารถทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำในพื้นที่มาตรการมีความอุดมสมบูรณ์ขึ้นแสดงให้เห็นว่าพื้นที่และช่วงเวลามาตรการที่กำหนดขึ้นมีความถูกต้องเหมาะสมและสอดคล้องกับช่วงเวลาสัตว์น้ำที่มีไข่วางไข่และเลี้ยงตัวอ่อนเพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำและคงความสมดุลทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน” นายบัญชา กล่าวสรุป.

กรมประมงขอให้พี่น้องชาวประมงทุกคนที่ให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐในการปฎิบัติตามกฎหมายในมาตรการปิดอ่าวทะเลอันดามันมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืนและเกิดความมั่นคงในการประกอบอาชีพประมงต่อไป

หน้าแรก » ภูมิภาค