วันที่ 19 มิถุนายน 2567 เวลา 09.40 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังวิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ทรงเปิดอาคาร "พระราชพรหมจริยคุณ (สุเทพ สุกกธมฺโม)" สร้างขึ้นด้วยงบประมาณของรัฐบาล เพื่อเป็นที่พักพระสงฆ์ สามเณร และฆราวาส มีห้องพัก 30 ห้อง และห้องโถงถวายภัตตาหารเพล สภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีมติให้ใช้นามอาคารพระราชพรหมจริยคุณ ปัจจุบันดำรงสมณศักดิ์ที่ พระเทพวชิรคุณาธาร ด้วยเป็นพระเถระที่มีคุณูปการต่อการศึกษาของคณะสงฆ์จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งวิทยาลัยสงฆ์แห่งนี้

ซึ่งเดิมสังกัดมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ในปี 2559 สภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีมติยกฐานะขึ้นเป็นวิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด มีพันธกิจ 4 ด้าน คือ ผลิตบัณฑิต วิจัยและพัฒนา บริการวิชาการแก่สังคม ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งพระภิกษุ สามเณร และประชาชน ปัจจุบันเปิดสอนระดับประกาศนียบัตร ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก มีพระนิสิตนักศึกษา รวม 518 รูป/คน มีพระครูวาปีจันทคุณ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ และพระเทพวชิรคุณาธาร ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการประจำวิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ดฯ เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด และเจ้าอาวาสวัดบ้านเปลือยใหญ่

 
โอกาสนี้ ทอดพระเนตรวีดิทัศน์ประวัติความเป็นมาของวิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ดฯ และการนำเสนอผลงานของพระสงฆ์และฆราวาสที่ศึกษาอยู่ ได้แก่ คติชนวิทยา ใช้หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาเป็นกลไกสร้างจิตสำนึกและความภาคภูมิใจในความเป็นไทย นำภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นรากฐานของการพัฒนาอย่างมีดุลยภาพและยั่งยืน ผ่านสื่อกลอนลำประยุกต์ เช่น กลอนลำศีล 5, กลอนลำวิถีชีวิตชาวอีสาน และกลอนลำคติชาวบ้าน โครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน เริ่มตั้งแต่ปี 2547 ปัจจุบันสอนในโรงเรียน 450 แห่ง ทั้งในจังหวัดร้อยเอ็ด และใกล้เคียง โครงการพัฒนารูปแบบการอนุรักษ์ป่าชุมชน ใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และแนวคิด 7 เสาหลักของพระสงฆ์และชุมชนวัดป่าจตุรพักตรพิมานจังหวัดร้อยเอ็ด

สรุปได้ว่า รูปแบบการอนุรักษ์ป่าชุมชนที่กำหนดขึ้น ช่วยสร้างภาคีเครือข่ายและขับเคลื่อนการอนุรักษ์ป่าชุมชนไปในทิศทางเดียวกัน โครงการพุทธนวัตกรรมเตาเผาศพอัจฉริยะ ลดปริมาณสารมลพิษ นำเทคโนโลยีสกัดควันดำที่ลอยออกมาจากเตาเผาศพเปลี่ยนเป็นควันขาว ช่วยลดสารก่อมะเร็ง และ PM2.5 โครงการพุทธศาสตรบัณฑิตกับการอนุรักษ์ป่าชุมชนดงทำเลดอนใหญ่ บ้านหนองบั่ว เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกการอนุรักษ์ป่าชุมชน อาทิ ทำบุญบวชป่า ปลูกป่า เป็นประจำทุกปี โครงการอารยเกษตร สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง "โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง" ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 63 จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นแห่งแรก

เพื่อให้นักเรียนมีหลักธรรมในการดำเนินชีวิต มีทักษะการเกษตร พัฒนาเป็นอาชีพได้ในอนาคต เวลา 11.53 น. เสด็จพระราชดำเนินไปยังบริเวณพื้นที่อาคารสโมสรจังหวัดร้อยเอ็ดหลังเดิม บริเวณสนามเทนนิสข้างจวนผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด ทรงวางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดร้อยเอ็ด หลังใหม่ ทดแทนอาคารสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดร้อยเอ็ด หลังเดิม ทั้งนี้ เมื่อปี 2563 จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ขับเคลื่อนแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า ทำให้ที่ตั้งของสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดร้อยเอ็ด (หลังเก่า) ถูกกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่เมืองเก่าร้อยเอ็ด ในปี 2565 เหล่ากาชาดจังหวัดร้อยเอ็ด จึงได้ขอเช่าพื้นที่ราชพัสดุ เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดร้อยเอ็ด (หลังใหม่)

 
จากนั้น ทอดพระเนตรนิทรรศการ และแบบจำลองอาคารสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดร้อยเอ็ด (หลังใหม่) ซึ่งเป็นอาคาร 2 หลัง ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน สูง 2 ชั้น ชั้นล่าง เป็นห้องโถงอเนกประสงค์ ห้องทำงานผู้บริหาร ห้องรับรอง ห้องประชุมขนาดเล็ก และห้องสำนักงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ชั้นที่ 2 เป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ และห้องเก็บวัสดุอุปกรณ์ ส่วนอาคารหลังที่ 2 เป็นอาคารพัสดุ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2568

 
พร้อมกันนี้ พระราชทานพระราชวโรกาสให้ พระครูปลัดสุขวัฒน์ (อนุสรณ์ ปภัสสโร) วัดท่าสะแบง จังหวัดร้อยเอ็ด เฝ้า ถวายเงิน และรถตู้ เพื่อใช้ในกิจการของเหล่ากาชาดจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมทั้งพระราชทานพระราชวโรกาสให้ ผู้สนับสนุนการก่อสร้างอาคารฯ เฝ้าทูลละอองพระบาทถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย ในการนี้ พระราชทานกุญแจรถตู้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด