อำเภอแคนดง / แฝดผู้น้องวัย 28 ปีมีปัญหาเรื่องผู้หญิงกับหนุ่ม 27 ปีตำบลเดียวกัน นักเคลียร์กันป่ายางในหมู่บ้านแต่ไม่ลงตัว แฝดผู้พี่เห็นเข้ามาเจรจาร่วม หนุ่มไม่พอใจคว้าปืน 9 มม.จ่อยิงเข้าหน้าผากกระสุนฝังในสาหัส ตำรวจตามจับมาทำแผนอ้างโดนกระทำก่อน

วันที่ 10 ธ.ค.67 เมื่อเวลา 10.00 น. ร.ต.อ.ปริญญา ยิ่งงาม รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ พร้อมตำรวจชุดสืบสวน นำตัวนายกิตติวินท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี อยู่บ้านในพื้นที่ ต.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ไปค้นหาอาวุธปืนของกลาง บริเวณสวนยางพาราของชาวบ้าน ใน ต.แคนดง

หลัง พ.ต.อ.ขุนศึก เศรษฐชัย ผกก. สภ.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ สั่งการให้ชุดสืบสวนกดดันอย่างหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา จนกระทั่งนายแบงค์ ติดต่อขอมอบตัว เนื่องจาก เมื่อ 20.30 น. วันที่ 9 ธ.ค.คืนที่ผ่านมา ได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.จ่อยิง

นายพลพิทักษ์ หรือหนึ่ง ปุริโส อายุ 28 ปี อยู่บ้านในพื้นที่ ต.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ กระสุนเข้าบริเวณหน้าผาก ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแคนดง ก่อนจะถูกส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ เพราะอาการสาหัส เหตุเกิดบนถนนคอนกรีตผ่านสวนยางพารา ภายในหมู่บ้านหนองการะโก ต.แคนดง

สอบถามนายสนธยา ตีบกระโทก (เสื้อดำ) อายุ 22 ปี คนเห็นเหตุการณ์ เล่าว่าบ้านตนอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ ช่วงนั้นเห็นคนสองสามคนมาคุยกัน หลังจากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด นัดแรกเสียงเบา นัดที่ 2 เสียงดัง จึงวิ่งออกมาดูพบนายหนึ่ง ถูกยิงบริเวณหน้าผาก หายใจพะงาบๆ

ก่อนเกิดเหตุคาดว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะนัดมาเคลียร์ปัญหากัน ผู้บาดเจ็บจอดรถที่อื่นแล้วเดินมาเจรจากัน เท่าที่ทราบมือปืนมีปัญหากับแฝดผู้น้อง แล้วแฝดผู้พี่ที่ถูกยิงมาเจรจาก่อนจะถูกยิงดังกล่าว สาเหตุคาดว่าน่าจะมาจากเรื่องผู้หญิง

ขณะที่นายกิตติวินท์ (สงวนนามสกุล) คนก่อเหตุเล่าว่า ตนเองมีเรื่องกับแฝดน้องเพราะเคยมาทำร้ายตนบอกว่าตนไปจีบหญิงคนหนึ่งที่นายหนึ่ง กำลังจีบอยู่และพยายามจะมาทำร้ายตนหลายครั้ง

เช่นเดียวกับครั้งนี้ตนก็มาตามนัดว่าจะเคลียร์ปัญหากัน แต่พอมาถึงแฝดผู้พี่เดินเข้ามาบอกว่าจะเอายังไง ตนจึงคว้าปืนมายิงตอบโต้แต่ไม่รู้ว่าโดนจุดไหนอย่างไร ยอมรับว่าไม่รู้ว่าคนไหนเป็นแฝดพี่หรือแฝดน้องเพราะหน้าตาเหมือนกัน หลังเกิดเหตุได้เอาปืนไปทิ้งในป่ายางพาราบริเวณนั้น สำหรับอาวุธปืนตนซื้อมาทางเน็ตในราคา 8,000 บาท

ทั้งนี้ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนตั้งข้อหานายแบงค์ฐานพยามฆ่าและพรบ.อาวุธปืนเอาไว้ก่อน ซึ่งจะต้องรอดูอาการของผู้บาดเจ็บว่าสาหัสแค่ไหนจึงจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในภายหลัง