เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 27 ธันวาคม 67  ร.ต.อ.ชัยรัตน์ ชัยเดช รอง สว.สภ.นาสัก อ.สวี (สะ-หวี) จ.ชุมพร ได้รับแจ้งพบศพในร่องน้ำข้างถนนสายเอเชีย 41 บริเวณ กม.41 หมู่ที่ 14 บ้านเขาสวนทุเรียน ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมตำรวจชุดสืบสวน สภ.นาสัก ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จ.ชุมพร และหน่วยกู้ชีพกู้ภัยสายชล เขตสวี
           

ในที่เกิดเหตุเป็นพงหญ้ารก พบศพจมอยู่ร่องน้ำ บริเวณปากท่อระบาย ริมถนนสายเอเชีย 41 ขาล่องใต้ โดยศพสวมเสื้อผ้าสีขาวปนดินโคลนคล้ายผู้ถือศีล  สภาพศพนอนคว่ำหน้า เนื้อหนังเริ่มเน่าเปื่อยหลุดหายและเนื้อบางส่วนถูกสัตว์แทะกินจนเห็นกระดูก เจ้าหน้าที่ จึงได้ให้ทางกู้ชีพกู้ภัย ช่วยยกพลิกร่าง พบเป็นเพศชาย บริเวณศีรษะผมสีขาวหลุดออกมาเป็นกระจุก จนเห็นกะโหลก
           

จึงได้นำศพขึ้นมาชันสูตรบนทางเชื่อมถนนระหว่างสวนกับถนนสายเอเชีย41 พร้อมเก็บกระเป๋าสีน้ำตาลแบบสะพายซึ่งศพทับอยู่ขึ้นมาตรวจสอบ พบสร้อยปะคำ ลูกปัด พระ โทรศัพท์มือถือและบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งระบุชื่อคือนายวินัส  จิ้มชัยภูมิ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ที่ 9 ต.โคกกุง อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ

จากการชันสูตร ไม่พบร่องรอยบาดแผลจากการถูกทำร้าย แต่พบว่าบริเวณกระดูกซี่โครงด้านขวาแตกหัก โดยไม่ทราบสาเหตุ และคาดว่า เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 เดือน ซึ่งในเบื้องต้น สันนิษฐานว่า นายวินัส คงเดินไหล่ถนน แล้วอาจจะโดนรถยนต์ไม่ทราบชนิดเฉียวชน จนร่างกระเด็นตกในร่องน้ำ ประกอบจุดพบศพเป็นพงหญ้ารกและมีน้ำท่วมขัง สลบหรือช่วยเหลือตนเองไม่ได้จึงเสียชีวิตในที่สุด อย่างไรก็ตามก็จะนำศพส่งให้ทางแพทย์ รพ.สวี ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อจะสามารถระบุในการเสียชีวิตมาจากอะไรต่อไป
           

ด้านนายสราวุธ เมืองแดง หน.ชุดกู้ชีพกู้ภัย เขตสวี เปิดเผยว่า หลังจากชันสูตรศพแล้ว ก็พบบุคคลดังกล่าว คือนายวินัส จิ้มชัยภูมิ ก็เลยให้ทางลูกทีมลองพิมพ์ชื่อในเฟซบุ๊ค ก็พบว่า ผู้ตายใช้ชื่อดังกล่าวจริง และมีในวงเล็บระบุอีกว่า (ชื่อมหา เทพจักรพรรดิ์ บุญอุ้ม)และยังมีข้อความ ใต้ชื่ออีกว่า เป็นพระฤาษีเดิน ธุดงค์จากภูเก็ตจะไปเชียงใหม่เดินธุดงค์เหมือนพระนี้แหละจ้าสาธุ ซึ่งก็ตรงตามศพที่พบ
       

นายสราวุธ กล่าวว่า ได้พยายามติดต่อญาติ ผู้ตาย จนสามารถติดต่อได้ ทราบชื่อคือ น.ส.สมควร คำหล้า อายุ 40 ปี ที่อยู่ตรงกับผู้ตาย โดย น.ส.สมควร แจ้งว่า ผู้ตายได้ออกจากบ้านมาหลาย 10 ปีแล้วโดยตนเองก็เป็นเพียงลูกสะใภ้ ของผู้ตายเท่านั้น ส่วนลูกชายของผู้ตายนั้น ขณะนี้ไปทำงานอยู่ต่างประเทศ ซึ่งตนก็ไม่สะดวกมาจัดการเรื่องศพได้ ต้องรอทางลูกชายกลับจากเมืองนอกก่อนแล้วค่อยมารับไปทำบุญ ซึ่งก็อีกหลายเดือน จึงฝากศพไว้ก่อน ซึ่งตนก็ต้องรอผลจากการชันสูตรออกมาชัดเจนก่อน  หลังจากนั้นก็จะนำศพไปฝั่งที่ป่าช้ารอให้ญาติมารับต่อไป