จังหวัดนครพนมได้จัดงานฤดูหนาว เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ภายใต้ชื่อ  Nakhonphanom Winter Festival ตอน ชมโขง สีสัน ประกายแสง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 67 – 1 มกราคม 68 พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสอากาศหนาว ที่มีพื้นที่ราบหนาวสุดในประเทศไทย และยังเป็นการสร้างรายได้แก่ประชาชน โดยปีนี้ได้เพิ่มความหลากหลายให้กับไฟแสงสี ตระการตามากยิ่งขึ้น  นอกจากเพิ่มสีสันที่อุโมงค์ไฟดาวล้านดวง ซึ่งเป็นอุโมงค์ไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ยังเนรมิตสถานที่สำคัญรวม 8 แห่ง ตลอดริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม ให้กลายเป็นมหานครเรืองแสง เพื่อให้เป็นจุดเช็คอินของนักท่องเที่ยว

การจัดงาน Nakhonphanom Winter Festival ตอน ชมโขง สีสัน ประกายแสง ของจังหวัดนครพนม อาจจะได้ถูกบันทึกว่าขอบเขตของการจัดงานยาวที่สุดในโลก เพราะการประดับไฟแสงสีเริ่มจากชุมชนหนองแสง ซึ่งเป็นหัวถนนสุนทรวิจิตรจรดสามแยกถนนนิตโย บริเวณแท่นประดิษฐานพญาศรีสัตตนาคราช มีระยะทางยาวเกือบ 2 กิโลเมตร คือ โบสถ์นักบุญอันนาหนองแสง พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดหลังเก่า ททท.สำนักงานนครพนม ศาลจังหวัด 100 ปี ลานกินชมชมวิว หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ฯลฯ เป็นต้น 

ส่วนไฮไลท์ที่ทุกคนรอคอยคือวันเคาท์ดาวน์ มีการยิงพลุเฉลิมฉลองจากกลางแม่น้ำโขง ประมาณ 100 ดอก แสงสีจะแพรวพราวบนเวหา นักท่องเที่ยวจึงหลั่งไหลเข้าพื้นที่ จับจองโรงแรมกันจ้าละหวั่น เพื่อ ชิม ช็อป ชม อาหารพื้นเมือง รวมถึงสินค้าโอทอป

ความหลากหลายของสินค้าในถนนคนเดิน นอกจากอาหาร ขนม ของกินเล่น เสื้อผ้า ฯลฯ แล้ว มีร้านขายเสื้อผ้าทหารมือสองระดับพรีเมี่ยม เจ้าของแขวนขายจากราคาหลักร้อยถึงหลักหมื่น บูธนี้ถ้าคนไม่มีใจรักจริงๆไม่กล้าหยิบแน่ เพราะมีเสื้อทหารตัวหนึ่งแปะราคาไว้ที่ 55,000 บาท (ห้าหมื่นห้าพันบาทถ้วน) ยืนยันว่าเขียนไม่ผิดแน่นอน โดยได้รับคำบอกเล่าจากนายเบียร์เจ้าของร้านวัย 49 ปี ว่า เป็นเสื้อทหารในสงครามเกาหลี เหตุที่มีราคาแพงครึ่งแสน เพราะเป็นเสื้อที่ทหารญี่ปุ่นใส่ร่วมรบกับอเมริกา ในศึกสงครามเกาหลี เดิมทีสหรัฐมีเสื้อให้ใส่อยู่ก่อนแล้ว แต่ทหารญี่ปุ่นไม่ยอมใส่ชุดทหารอเมริกา เพราะเขาเป็นชาตินิยม พอมาเจอกันในสนามรบ เห็นเสื้อคนละสีนึกว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามก็ยิงกันเอง ตอนหลังอเมริกาเลยเอาผ้ามาให้ญี่ปุ่นตัดใส่เอง เพื่อให้เป็นชุดยูนิฟอร์มสีเดียวกัน เวลารบจะได้รู้ว่าเป็นพวกเดียวกัน และความพิเศษของเสื้อแต่ละตัว คือจะมีชื่อเจ้าของเสื้อปักไว้ที่คอปก

นอกจากนี้นายเบียร์พ่อค้าเสื้อทหารมือสอง ยังเล่าต่ออีกว่าเสื้อทหารรุ่นนี้ ณ เวลานี้พบเห็นในประเทศไทยมีเพียง 3 ตัวเท่านั้น ตัวแรกเจ้าของเดิมเปิดประมูลในเว็บไซต์ มีคนสู้ราคาปิดที่ 75,000 บาท ตัวที่สองพบที่สยามพารากอนเจ้าของไม่ขาย แค่แขวนโชว์อย่างเดียว ตัวที่สามก็อยู่กับในมือตนที่ประมูลมาจากเว็บไซต์เช่นเดียวกัน ส่วนราคา 55,000 บาทนี้ ไม่ใช่ตั้งไว้เล่นๆ ถ้ามีคนซื้อก็ขายแต่ถ้ามาขอลดราคา ยืนยันบาทเดียวก็ไม่ลด ทั้งนี้เป็นความสุขของนักสะสมเสื้อทหารโดยเฉพาะ