ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพจ “กัน จอมพลัง” ได้ปล่อยคลิปเหตุการณ์ หญิงสาวถูกอดีตสามีทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ และได้เดินทางหนีจากบ้านในตำบลทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร มาร้องขอความช่วยเหลือกับ “กัน จอมพลัง” ให้ดำเนินการทางกฎหมายกับอดีตสามี เพราะตนเองและครอบครัวถูกข่มขู่จะเอาให้ถึงตาย
    

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ทราบสถานที่เกิดเหตุตามคลิปที่ปรากฏ อยู่พื้นที่ ม.8 บ้านวังทอง ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมกับ พ.ต.ต.อภิชาติ ยังมี สว.สืบสวน สภ.ปะทิว และกำลังหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปะทิว จ.ชุมพร พบว่า เป็นบ้านเช่าหลังเดียวชั้นเดียว เลขที่ 93/3 ม.8 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งตั้งอยู่บนเนินสูง ปากทางเขาบ้านช่องมุด โดยพบว่าบ้านหลังดังกล่าว ปิดประตูล็อคกุญแจ ไม่มีใครอยู่ที่บ้าน บริเวณหน้าบ้านมีเสื้อผ้าตากแขวนกับเชือกที่ผูกไว้กับเสาบ้านไปยึดติดกับฝาผนังบ้าน ส่วนบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเป็นที่จอดรถยนต์ ไม่พบรถเก๋งคันสีดำซึ่งจอดอยู่วันเกิดเหตุ มีแต่ รถ จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า จอดอยู่เพียงคันเดียว
    

โดยทาง พ.ต.ต.อภิชาติ ยังมี สว.สืบสวน สภ.ปะทิว จ.ชุมพร เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ทาง น.ส.จิตรา หญีตป้อม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/12 ม.5 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ได้อยู่กินฉันสามีภรรยากับ นายธนกฤต อายุ 37 ปี อยู่บ้าน ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โดยฝ่ายหญิงได้มีลูกติด 2 คน เป็นหญิงและชาย และตลอดที่อยู่กินกันมา ทราบว่าทั้งคู่มักจะทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้ง และมาล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่ทางพนักงานสอบสวน สภ.ปะทิว จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเหตุ ตนเองได้เดินทางมาตรวจสอบก็พบว่า น.ส.จิตรา ถูก นายธนกฤต ทำร้ายจนเลือดนองหน้า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย ก็ได้ปฐมพยาบาล ก่อนนำตัวส่ง รพ.ปะทิว รักษาตัวต่อไป
    

พ.ต.ต.อภิชาติ ยังมี สว.สืบสวน สภ.ปะทิว กล่าวว่า หลังจากที่ก่อเหตุ ทางนายธนกฤต อดีตสามี ก็ได้หลบหนีไป จนกระทั่งล่าสุดทราบว่า ได้ข่มขู่จะทำร้ายและข่มจะเอาถึงชีวิตกับ น.ส.จิตรา อดีตภรรยาพร้อมพ่อแม่และลูกของ น.ส.จิตรา จนทาง น.ส.จิตรา ต้องหนีตายและไปร้องขอความช่วยเหลือกับ กัน จอมพลัง ส่วนแม่และลูกๆก็ทราบว่าได้กลัวไม่ปลอดภัย จึงได้ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่เพื่อนบ้าน ในพื้นที่ ม.5 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร
    

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังพื้นที่ ม.5 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบ้านแม่ของ น.ส.จิตรา ซึ่งก็ได้พบว่า เป็นบ้านปูนชั้นเดียวเลขที่ 15/12 ม.5 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ปลูกอยู่ริมถนนซอยวัดปากบ่อ ซึ่งห่างจากบ้านเช่า ของ น.ส.จิตรา ลูกสาว เพียง 1 กิโลเมตรเศษ โดยบ้านหลังดังกล่าวปิดประตูหน้าต่างเงียบสนิท ส่วนแม่ ของ น.ส.จิตรา ซึ่งทราบชื่อภายหลังคือ นางจันทร์เพ็ญ คงยก อายุ 49 ปี พร้อม ด.ญ.เอ หลานสาวและ ด.ช.บี หลานชาย ได้ไปหลบตัวไปอยู่ที่บ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆกัน
    

โดย นางจันทร์เพ็ญ คงยก อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/12 หมู่ 5 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า นางสาวสุจิตรา หญีตป้อม ซึ่งเป็นลูกสาวของตนเองนั้น ได้อยู่กินกับอดีตลูกเขย คือนายธนกฤต ชัยพัฒน์ อายุ 37 ปี ประมาณ 2 ปี ลูกเขยเป็นคนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตนเองและลูกสาวได้แยกบ้านอยู่กันคนละหลัง เนื่องจากตนเองไม่ชอบลูกเขย ซึ่งลูกสาวก็ได้ไปเช่าบ้านอยู่ ซึ่งเป็นบ้านหลังที่เกิดเหตุ คือบ้านเลข 99/3 หมู่ 8 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งไม่ได้ไกลจากบ้านของตนเอง ในวันที่เกิดเหตุทำร้ายร่างกายลูกสาว คือวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ประมาณ 07.00 น.ชาวบ้านได้โทรมาบอกตนเองว่าอดีตลูกเขยได้ทำร้ายร่างกายลูกสาวตนเอง ตนเองจึงรีบไปที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านเช่าที่ลูกสาวเช่าอยู่กับอดีตลูกเขย เมื่อไปถึงก็เห็นว่าอดีตลูกเขยกำลังทำร้ายลูกสาวและกำลังจะเอารถมอเตอร์ไซค์ของลูกสาวตนเองหนีไป จนเองจึงได้พยายามเข้าไปถีบรถให้ล้มเพื่อไม่ให้อดีตลูกเขยเอารถไปได้ หลังจากนั้นตนเองก็เข้าไปตบอดีตลูกเขยหลายครั้งด้วยความโมโหที่อดีตลูกเลยทำร้ายลูกจนเลือดอาบไปทั้งตัว และหลังจากนั้นอตีดลูกเขยก็วิ่งเข้าไปในบ้านเช่าและเข้าไปทำร้ายลูกสาวตนเองอีกครั้งทั้งตบทั้งกระทืบลูกสาวตนเองต่อหน้าต่อตา และอดีตลูกเขยก็พูดว่า “แม่มึงทำร้ายกู” และลูกอดตียลูกเขยได้ไปหยิบเอาสาก มาตีหัวลูกสาวตนเองอีก ตนเองจึงเข้าไปห้ามและโดนอดีตลูกเขยทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บหัวโนและกระดูกข้อเท้าแตกเช่นกัน และหลังจากนั้นลูกเขยก็ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ PCX สีแดงหนีไปจากจุดเกิดเหตุ
    

หลังจากเหตุการณ์วันนั้นลูกสาวก็ไม่ได้กลับไปที่บ้านเช่าอีกเลยเพราะกลัวว่าจะโดนทำร้ายอีก ตนเองได้สอบถามลูกสาวว่าได้ติดต่ออดีตลูกเขยหรือเปล่า ลูกสาวบอกว่าก็ยังคุยอยู่ เพราะอยากได้รถคืนเพราะรถมอเตอร์ไซค์เป็นรถของตนเองซึ่งยังต้องผ่อนอยู่ ตนเองเชื่อว่าที่ผ่านมานั้นอดีตลูกเขยก็ยังขับรถวนมาเวียนดูที่หน้าบ้านอยู่ตลอด ซึ่งตนเองก็อยู่ด้วยความหวาดระแวง และเมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมานั้น อดีตลูกเขยได้เอารถมาคืนโดยส่งมากับรถขนส่ง และเมื่อได้รถคืนลูกสาวก็พยายามตีตัวออกห่างพยายามจะเลิก แต่ฝ่ายชายก็พยายามที่จะคืนดี เมื่อลูกสาวตนเองเริ่มออกห่าง ฝ่ายชายก็ไม่พอใจและได้มีการโพสต์เฟสว่าจะทำร้ายร่างกาย โพสต์หาน้ำกรดจะมาราดฝ่ายหญิง และขู่จะฆ่าจะให้กินข้าวผ่านธูป และจะทำร้ายคนในครอบครัวตนเองทุกคน
    

ในวันที่เกิดเหตุมีเด็กหญิง A และเด็กชาย B นามสมมุติ เป็นลูกของนางสาวสุจิตรา หญีตป้อม อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย ซึ่งเด็กทั้งสองเล่าให้ฟังว่าตลอดเวลาที่พ่อเลี้ยงอยู่กินกับแม่ของตนเองนั้น พ่อเลี้ยงได้ทำร้ายร่างกายและมีปากเสียงกับแม่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้มีความรุนแรงมาก เพราะพยายามจะใช้มีดแทงแม่ และให้แก้วเก็บความเย็นทุบหัวแม่จนแตก ซึ่งตนเองและน้องก็พยายามเข้าไปช่วยแม่ แต่ก็โดนพ่อเลี้ยงเหวี่ยงจนตนเองกระเด็นออกมาและได้เข้ามากระทืบที่หน้าอกตนเองอย่างแรง และบอกไม่ให้มายุ่ง แต่ตนเองสงสารแม่ก็พยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ และขอร้องพ่อเลี้ยงว่าอย่าทำร้ายแม่แต่ก็ไม่ยอมหยุด ซึ่งพ่อเลี้ยงจะชอบหาเรื่องแม่ตลอดเพราะความหึงหวงแม่
    

ต่อมาพันตำรวจโทสมภพ เชื้อทอง รองผกก.สภ.ปะทิว พร้อมด้วย ร้อยตำรวจเอกธรรมรักษ์ ศรีสังข์ รองสารวัตป้อมกันและปราบปราม สภ.ปะทิวและกำลังตำรวจได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของ นางจันทร์เพ็ญ คงยก เพื่อสอบถามข้อมูลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเชิญนางจันทร์เพ็ญ คงยก เพื่อพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อจะออกหมายเรียกและหากไม่มาก็จะออกหมายจับ นายธนกฤต ชัยพัฒน์ อดีตลูกเขย มาดำเนินคดีต่อไป
    

นอกจากนี้ยังได้จัดกำลังเฝ้าดูแลความปลอดภัย ให้กับนางจันทร์เพ็ญ คงยกและครอบครัวที่ยังหวาดกลัว เกรงว่าอดีตลูกเขยจะย้อนกลับมาทำร้ายตามที่ได้ข่มขู่ไว้อีกด้วย