วันศุกร์ ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2568 13:35 น.

ภูมิภาค

ไปกราบไหว้ขอพรพระเจ้าใหญ่ขุมคำ ที่ อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลฯ

วันอาทิตย์ ที่ 02 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568, 19.28 น.

อำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี อยู่ห่างจากตัวเมืองอุบลฯไปทางทิศเหนือ ระยะทางประมาณ 78กิโลเมตร มีคำขวัญประจำอำเภอว่า “เมืองอู่ข้าว พระเจ้าใหญ่ขุมคำ งามล้ำภูขาม” เป็นอำเภอเล็กๆที่มีเขตการปกครองเพียง 5 ตำบล กำลังรอวันเติบโตทั้งทางด้านเศรษฐกิจและความเจริญรุ่งเรืองด้านวัตถุ มีอาณาเขตดังนี้ ทางด้านทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอเขมราฐ ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอเขมราฐและอำเภอโพธิ์ไทร ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ
 
อำเภอกุดข้าวปุ้น มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลำห้วย หนอง คลอง บึง และอ่างเก็บน้ำ นอกจากนี้ยังมีป่าภูขาม ที่มีพื้นที่ป่าอยู่ประมาณ 3,900 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดงขุมคำ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองทันน้ำ อำเภอกุดข้าวปุ้น และตำบลแก้งเหนือ ตำบลหัวนา อำเภอเขมราฐ นอกจากนี้ ที่ อำเภอกุดข้าวปุ้น ยังมี แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่กำลังมีชื่อเสียง คือ ภูฆ้องคำ และ มีพุทธศาสนสถาน ที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพุทธศาสนิกชนนิยมไปกราบไหว้บูชา นั่นคือ วัดขุมคำ หรือ วัดพระเจ้าใหญ่ขุมคำซึ่งภายในวัดมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ ชื่อว่า พระเจ้าใหญ่ขุมคำ หรือ พระพุทธมหิทธาดล

 


วัดขุมคำ ตั้งอยู่ที่บ้านขุมคำ หมู่ที่ 9 ตำบลแก่งเค็ง อำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี (ตั้งอยู่ริมถนนสายตระการพืชผล – เขมราฐ) เป็นวัดที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของอำเภอกุดข้าวปุ้น ภายในวัดมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ ชื่อว่า พระเจ้าใหญ่ขุมคำ หรือ พระพุทธมหิทธาดล ซึ่งขนาดของพระพุทธรูป ความสูงจากพื้นดินถึงเกษ รวม 22 เมตร เป็นแท่นพระ 6 เมตร องค์พระ 16 เมตร ขนาดหน้าตักกว้าง 11 เมตร ก่อสร้างเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2508 ปีมะเส็ง ตรงกับวันจันทร์ขึ้น 3 ค่ำ ชาวบ้านจึงได้ยึดเอาวันนี้เป็นวันจัดงานประจำปีของวัดตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
 


จากการสำรวจสภาพพื้นที่ลักษณะทางภูมิประเทศภายในวัดพบว่า เป็นลานหินและมีแหล่งหินทรายสีเขียว และมีหลุมที่เกิดจากการกระทำของน้ำ คล้ายเป็นโพรงหรือถ้ำ เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังค้นพบหรือขุดพบวัตถุโบราณในบริเวณวัดอีกด้วย เช่น 1. ดาบโบราณ ที่ทำจากหิน ไม่ทราบถึงอายุ 2. หินแกะสลักรูปอวัยวะ โดยมีลักษณะเป็นลึงค์(อวัยวะเพศชายคู่)และโยนี(อวัยวะเพศหญิง)ลักษณะแกะสลักที่คล้ายคลึงกลับลักษณะธรรมชาติของมนุษย์และไม่สามารถทราบถึงอายุของวัตถุ 3.แหล่งหินทรายสีเขียว ซึ่งประชาชนเข้าใจว่ามีการนำหินมาจัดเรียงคล้ายกำแพง อันเรียกกันว่า กำแพงโบราณนั้น เมื่อพิจารณาจากสภาพพื้นที่แล้ว พบว่าเป็นแหล่งหินทรายสีเขียวซึ่งมีร่องรอยการตัด แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเกิดจากการกระทำตามธรรมชาติหรือว่าจากการกระทำของมนุษย์ และยังมี หินลักษณะประหลาดและสวยงามที่ขุดพบภายในวัดตั้งแต่ก่อตั้งวัดในปี พ.ศ.2507 รวมทั้งพบร่องรอยต่างๆ เช่น หินกระดูกงูซวง จำนวน 13 ชิ้น และพบเห็นรอยพญานาค รอยพญาช้างสาร (ตามตำนาน) หลุมมันแซง ส่วนบางอย่างค้นพบในเวลาต่อมา เช่น หินหัวงูซวงค้นพบเมื่อ 13 สิงหาคม 2557โดยหลวงปู่ที่วัดขุมคำ รอยเท้าแม่ย่ายักษ์ ค้นพบ 24 กรกฎาคม 2557 โดยหลวงปู่ที่วัดขุมคำ ดาบหินที่ใหญ่และสวยงามค้นพบเมื่อ 20 สิงหาคม 2557 โดยหลงปู่สิง และที่วัดแห่งนี้ยังมีสัตว์นานาพันธ์ เช่น นกยูงกว่า 30 ตัว ไก่ป่า 1,000 ตัว และสัตว์อื่นๆอีกมากมาย เป็นต้น
 


เมื่อ เดือน เมษายน 2557 ได้มีการขุดพบมีดกริชโบราณ ภายในบริเวณวัดขุมคำ ค้นพบโดย โดยพระอาจารย์บุญศรี อนุตตโร โดยทางวัดได้ขุดสระเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง จนกระทั่งพบมีดกริชโบราณ คล้ายกับทองสัมฤทธิ์ สภาพยังสมบูรณ์ มีความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร ซึ่งทางวัดได้นำขึ้นมาเก็บรักษาไว้ภายในวัด โดยชาวบ้านและคนแก่คนเฒ่าในหมู่บ้านขุมคำ ต่างเชื่อกันว่า มีดกริชที่พบนี้น่าจะเป็นของ ท้าวคัฒนาม ตามตำนานและนิทานที่เล่าต่อกันมาว่า ณ ที่แห่งนี้มีถ้ำสมบัติที่มีนางยักษ์และงูใหญ่เฝ้าสมบัติอยู่หน้าถ้ำ ต่อมามีท้าวคัฒนามทราบเรื่องจะเข้าไปเอาสมบัติ เกิดมีการต่อสู้กับงูใหญ่และนางยักษ์ที่เฝ้าอยู่ปากถ้ำ ท้าวคัฒนามได้ใช้กริชตัดงูออกเป็นท่อนๆ และฆ่านางยักษ์ได้สำเร็จ จึงเข้าไปเอาสมบัติคือทองคำในถ้ำไปได้ และมีดกริชนี้น่าจะเป็นอาวุธของท้าวคัฒนามที่ใช้ต่อสู้กับงูและนางยักษ์ โดยหลังทางวัดนำขึ้นมาบูชาชาวบ้านเข้ามากราบไหว้ขอพร ขอโชคลาภอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งในปัจจุบันนี้ หลักฐานที่เชื่อว่า เป็นหลุมทรัพย์หรือบ่อทองคำ ก็ยังคงหลงเหลืออยู่บริเวณของวัดแห่งนี้ ทำให้กับผู้มาเยือนได้เห็นและทราบความเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับตำนานที่มีมาแต่ในอดีตกาล
 


นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าจากคนแก่คนเฒ่า ตลอดจนคนหนุ่มคนสาวในพื้นที่อำเภอกุดข้าวปุ้นและ อำเภอใกล้เคียงว่า ถ้าหากหนุ่มใด หรือสาวใด อยากพบรัก ให้มากราบไหว้ขอพรจาก พระเจ้าใหญ่ขุมคำ หรือ พระพุทธมหิทธาดล แล้วจะสมหวังในเรื่องความรัก และหากคู่รักแต่งงานกันไปแล้ว ถ้ามีบุตรยากก็ให้ไปกราบไหว้ขอพรจากพระเจ้าใหญ่ขุมคำ ที่วัดขุมคำแห่งนี้ ก็จะมีบุตรได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ คนแก่คนเฒ่ายังได้เล่าเพิ่มเติมว่า คนรุ่นก่อนถ้ามาเที่ยวงานบุญประจำปีของวัดขุมคำ พอกราบไหว้พระเจ้าใหญ่ขุมคำเสร็จแล้ว จะต้องเดินตรงไปกราบไหว้หินแกะสลักรูปอวัยวะ(อวัยวะเพศชายคู่)และโยนี(อวัยวะเพศหญิง)ที่อยู่ชายป่าภายในวัด เพื่อขอให้พบคู่รักที่มาเที่ยวงานในคืนเดียวกัน และก็มักจะสมหวังดังที่ขอกันทุกคน
 
ดังนั้น ท่านที่ยังไม่เคยแวะไปกราบไหว้ ขอพร พระเจ้าใหญ่ขุมคำ หรือ พระพุทธมหิทธาดล ที่วัดขุมคำ ก็อย่าลืมหาโอกาสไปสักครั้ง การเดินทางไปมาสะดวกสบาย โดยวัดตั้งอยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2050 สายอุบลราชธานี-เขมราฐ เมื่อเดินทางออกจากตัวเมืองอุบลฯ มุ่งหน้าสู่อำเภอตระการพืชผล แล้วมุ่งไปตามถนนสายตระการฯ-เขมราฐ รวมระยะทางจากอุบลฯถึงวัดประมาณ 78 กิโลเมตร และเมื่อท่านได้กราบพระเจ้าใหญ่ขุมคำแล้ว ก็ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข และสมหวังดั่งใจปรารถนา ทุกประการเทอญ

หน้าแรก » ภูมิภาค