วันที่ 7 ก.พ.68  หลังจากประเทศไทยได้ปิดการส่งกระแสไฟฟ้าให้กับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จำนวน 2 จุดตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมาแล้วนั้น โดย จ.ท่าขี้เหล็ก ได้ขอซื้อกระแสไฟฟ้ามาจาก สปป.ลาว ที่อยู่ติดกันมาทดแทนปรากฎว่าล่าสุดวันที่ 6 ก.พ.ทาง สปป.ลาว แจ้งล่วงหน้าเพียงครึ่งวันว่าจะลดการส่งกระแสไฟฟ้าไปให้จากเดิมกำหนดเอาไว้ที่ 30 เมกะวัตต์ให้เหลือเพียง 13 เมกะวัตต์

ด้านการข้ามพรมแดนยังคงพบว่ามีชาวเมียนมาข้ามไปมาตามปกติ แม้ว่าจะมีกระแสการสั่งงดใช้หนังสือเดินทางหรือ passport เดินทางข้ามพรมแดนประเทศไทย แต่ชาวเมียนมาและชาวไทย ต่างก็ใช้ บอเดอร์พาส หรือบัตรผ่านแดนชั่วครามข้ามไปมาได้อย่างปกติ ซึ่งมีกระแสข่าวว่าเป็นมาตราการตอบโต้รัฐบาลไทย ที่ตัดไฟฟ้าและงดส่งน้ำมันให้ ซึ่งการสั่งการของรัฐบาลเมียนมาดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตอบโต้รัฐบาลไทยแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารของรัฐบาลเมียนมาที่ใกล้จะมาถึง ซึ่งเป็นการป้องกันการหลบหนีการเกณฑ์ทหาร ตามคำสั่งคณะรัฐประหารได้ออกมาตรการจำกัดการเดินทางออกนอกประเทศสำหรับชายอายุ 18-35 ปี ภายใต้กฎหมายการเกณฑ์ทหาร โดยไม่อนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศจนกว่าจะผ่านกระบวนการเกณฑ์ทหาร

 กรณีงดส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงพบว่าประชาชนยังคงนำรถไปเติมน้ำมันเชื้อเพลิงตามปั๊มต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่มาตรการห้ามส่งออกน้ำมัน ตอนนี้ไม่เพียงแต่ในฝั่งประเทศเมียนมาที่มีราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ในฝั่งไทยภาคการขนส่งก็ได้รับผลกระทบโดยพบว่า รถขนส่งน้ำมันจำนวนกว่า 40 คัน จอดรอบริเวณที่พักกรมทางหลวง ที่บ้านน้ำจำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หลังไม่สามารถส่งน้ำมันไปจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาได้ เป็นไปตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ

โดยคนขับรถขนส่งน้ำมัน หลายคนนอนพักกันที่นี่ บางคนรอแล้ว 2-3 วัน โดยบอกกับทีมข่าวว่าได้รับผลกระทบหนัก เพราะมีรายได้ขับรถเป็นเที่ยว หลายคนเพิ่งทราบห้ามส่งออกน้ำมัน มาทราบประกาศภายหลัง เมื่อมาแล้วก็ต้องอยู่รอว่าจะเปิดให้รถข้ามเมื่อใด ผ่านมา 2-3 วันก็ต้องลุ้นอยู่ ต้องการให้ปล่อยรถที่มาก่อนได้นำน้ำมันไปส่งก่อน ถ้าหากอยู่แบบนี้ต่อไปก็คงลำบากเพราะต้องออกค่าใมช้จ่ายต่างๆ เอง จะไปไหนก็ไม่ได้