ที่จังหวัดนครพนม ในห้วงวันที่ 8-12 กุมภาพันธ์ 2568 ได้มียุทธการเด็ดปีกนักค้ารายย่อย จำนวน 37 เป้าหมาย ผลดำเนินการเป็นผู้เสพ 1 ราย นำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา จับกุมตัวดำเนินคดี 25 ราย ไม่พบตัว 11 ราย ของกลางยาบ้า 556 เม็ด ยึดอายัดทรัพย์สิน 15 รายการ มูลค่า 412,000 บาท และวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ในช่วงเวลา 05.30 น. ได้มีการปล่อยแถวเปิดปฏิบัติการคิกออฟ ปิดล้อมตรวจค้นนักค้ารายย่อยเพิ่มอีก 8 เป้าหมายในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน ซึ่งเป็นการซัดทอดจากผู้ค้าที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ โดยเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 4 ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครพนม สถานีตำรวจท่าอุเทน ปกครองอำเภอท่าอุเทน และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ รุกฆาตปิดล้อมก่อนฟ้าสางตรวจค้นนักค้ายาเสพติดรายย่อย

ซึ่งนายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รอง ผวจ.นครพนม และ นายคณิสร ภาพีรนนท์ ผอ.ป.ป.ส.ภาค 4 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ คิกออฟปิดล้อมพร้อมกันทั้ง 8 จุด สามารถจับกุมผู้ค้ารายย่อยได้ 1 รายคือนายอาทิตย์ (สงวนนามสกุล) ชาวบ้าน ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เดิมเป็นผู้เสพก่อนจะผันตัวมาเป็นผู้ค้า ลักลอบขายยาบ้าในชุมชน เจ้าหน้าที่จึงอายัดทรัพย์เป็นบ้านที่กำลังสร้างใหม่

ในวันเดียวกัน พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส.พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และนายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด ได้เดินทางแถลงข่าวยุทธการเด็ดปีกนักค้ารายย่อย ร่วมกับนายคณิศร ภาพีรนนท์ ผอ.ป.ป.ส.ภาค 4 พล.ต.ต.ศักดิ์ชาย สาดมะเริง ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.แสวง คนคล่อง ผกก.สภ.ท่าอุเทน ตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมเจ้าหน้าที่เพื่อลดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ เลขา ป.ป.ส. ได้สอบถามนายอาทิตย์ผู้ต้องหา ทำให้ทราบว่ายาบ้าแถบริมแม่น้ำโขง จากเดิมรับมา 3 เม็ด 100 บาท ตนก็จะขายในกลุ่มนักเสพเม็ดละ 50 บาท ตอนนี้ยาบ้าแพงขึ้น ผลจากการตรวจยึดจับกุมของเจ้าหน้าที่ ทำให้หายากกว่าเดิม พ่อค้าคนกลางจึงขึ้นราคาเป็น 2 เม็ด 100 บาท ตนก็มาปล่อยต่อเม็ดละ 100 บาท พอได้กำไรจากการขายยาบ้าก็นำมาสร้างบ้าน แต่มาโดนเจ้าหน้าที่จับกุมและยึดทรัพย์เสียก่อน ซึ่งนายอาทิตย์ยังได้ซัดทอดไปยังคนที่ขายยาบ้าให้อีกหลายคน ทาง สภ.ท่าอุเทน ร่วมกับ ป.ป.ส.ภ.4 จะได้สืบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส.เปิดเผยว่าสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe หรือ 3S ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน เพื่อให้เห็นผลในเชิงปฏิบัติในด้านของ Stop ตามนโยบายของรัฐบาล จึงได้ปฏิบัติการยุทธการเด็ดปีกนักค้ารายย่อยทั่วประเทศ ในห้วงระหว่างวันที่ 8-13 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนภายใต้หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) ที่ได้ปฏิบัติการพร้อมกันทั้ง 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นการ Stop นักค้า ยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน ตามนโยบาย 3S ของรัฐบาล

ทั้งนี้ จังหวัดนครพนมเป็นพื้นที่ตามโครงการแก้ไขปัญหาเพื่อทำให้ประชาชนมีความสุข ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อให้ “นครพนมสุขที่สุด” โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานฯ และเป็นพื้นที่หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ (นบ.ยส.24) โดยมีท่านแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้บัญชาการหน่วย และมี ผอ.ป.ป.ส.ภ.3 และ ผอ.ป.ป.ส.ภ.4 เป็นฝ่ายเลขานุการ โดยร่วมมือจากหน่วยบูรณาการในพื้นที่ทั้งตำรวจ ทหาร ปกครอง และหน่วยงานอื่นๆ

“ในห้วงวันที่ 31 มกราคม-13 กุมภาพันธ์ 2568 นบ.ยส.24 ได้มีผลการปฏิบัติ Seal พื้นที่ชายแดน 5 จังหวัด 25 อำเภอ จับกุมคดียาเสพติด 44 คดี ผู้ต้องหา 73 คน ของกลางยาบ้า 14,371,949 เม็ด ไอซ์ 658 กิโลกรัม โดยเฉพาะพื้นที่ จ.นครพนม จับกุมได้ 12 คดี ผู้ต้องหา 21 คน ของกลางยาบ้า 5,848,263 เม็ด และ ไอซ์ 658 กิโลกรัม ซึ่งเป็นผลมาจากที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบาย Seal Stop Safe” ในตอนท้ายเลขาธิการ ป.ป.ส. ยังได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมการขับเคลื่อนงานการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ประชาชนปลอดภัยจากยาเสพติด