นายอิศรา โพธิ์เงิน นายอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ได้ร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอฯ (พชอ.นาแก) หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนชาว อ.นาแก ดำเนินการจัดกิจกรรม เดิน -วิ่ง เพื่อการกุศล ภายใต้ชื่อ "เดิน-วิ่ง ชิว ชมวิวภู ดูตะวันขึ้นที่ดานสาวคอย" ในวันที่ 9 เมษายน 2568 ที่จะถึงนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริม การท่องเที่ยว และการออกกำลังกาย ในประชาชนเพื่อลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง  หรือ NCDs โดยไม่มีค่าสมัครแต่อย่างใด เพียงชำระค่าจัดทำเสื้อวิ่งตัวละ 150 บาทเท่านั้น รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว เพื่อนำไปสมทบทุนกองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) และให้การช่วยเหลือผู้ที่มีภาวะพึ่งพา ผู้ด้อยโอกาส ผู้มีฐานะยากจน กลุ่มผู้ป่วยติดบ้าน ติดเตียง และกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ในพื้นที่ อ.นาแก จ.นครพนม
 
โดยติดต่อสอบถามรายละเอียดและสั่งซื้อได้ที่ สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต อ.นาแก สำนักงานสาธารณสุข อ.นาแก หรือเพจ facebook พชอ.นาแก www.facebook.com/Nakae.DHB หรือ นายณัฎฐ์ศักดิ์ ศรีบุรมย์ ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอนาแก วันงานตั้งจุดสตาร์ทอยู่ที่กองร้อย อส.อ.นาแก นักกีฬาจะได้วิ่งไต่ระดับขึ้นเขาภูพานน้อย ที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 350 เมตร และไปกลับตัวบริเวณวัดภูพานอุดมธรรม หรือดานสาวคอย รวมระยะทางไป-กลับ 8 กิโลเมตร 

โดยเส้นทางดังกล่าวเลียบเขาภูพานน้อย พื้นที่เชิงประวัติศาสตร์อีกจุดหนึ่ง ที่เชื่อมโยงกับการสู้รบยุคคอมมิวนิสต์  ริมทางยังมีสิ่งปลูกสร้างบ้านเรือนไม้เก่า รวมถึงสถานที่ราชการเก่า ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ทั้งยังแวะกราบนมัสการพระธาตุศรีคุณ พระธาตุประจำวันผู้ที่เกิดวันอังคาร เป็น 1 ใน 8 พระธาตุประจำวันเกิดของ จ.นครพนม และศาลหลักเมืองนาแก ที่ชาวนาแกเชื่อศรัทธาว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ที่สำคัญยังได้ชื่นชมความสวยงามรอบวัดภูพานอุดมธรรม หรือวัดภูพานดานสาวคอย ที่ธรรมชาติปรุงแต่งแซมด้วยต้นไม้เบญจพรรณได้อย่างลงตัว และนักกีฬาสามารถมองเห็นยอดพระธาตุพนมอยู่ลิบๆ

ทั้งนี้ ดานสาวคอยอยู่บริเวณวัดภูพานอุดมธรรม ต.นาแก คำว่าดานในภาษาอีสาน หมายถึงลานดินหรือลานหิน ลักษณะเป็นหินราบเรียบบนภูสูง คละกับหินตะปุ่มตะป่ำ แวดล้อมด้วยต้นไม้นานาพรรณ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ อ.นาแก อ.ธาตุพนม และหนองหารของ จ.สกลนครได้ 

ส่วนความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้ มีเรื่องเล่าสืบกันว่า ในยุคสงครามประชาชนหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 บริเวณดานสาวคอยได้ก่อตำนานรักระหว่างสาวบ้านป่ากับหนุ่มนักศึกษาจากเมืองหลวง หลังพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยกับรัฐบาลไทยยุติการสู้รบ มีการนิรโทษกรรมให้แก่นิสิต นักศึกษา ประชาชนที่เข้าป่าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แต่สาวเจ้าก็ยังมานั่งคอยหนุ่มคนรักอยู่บริเวณนี้ จึงกลายเป็นชื่อเรียกว่าดานสาวคอย ปัจจุบันเหลือไว้เพียงตำนานการต่อสู้ และตำนานความรักระหว่างสาวบ้านป่ากับหนุ่มปัญญาชน 
ต่อมามีการนำพระพุทธรูปขึ้นมาประดิษฐานบนดานสาวคอย นามว่าพระพุทธมหามงคลบพิตรจัตุรทิศประทานพร ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการยุติการสู้รบของคนไทยด้วยกัน และเพื่อให้ลานแห่งนี้เป็นลานธรรมยึดเหนี่ยวจิตใจแก่ผู้คนรุ่นหลังต่อไป