ตำรวจแจ้งลูกถูกรถชนเสียชีวิต พ่อแม่รับศพทำพิธีทางศาสนา 3 วัน เพิ่งรู้ว่าคนตายไม่ใช่ลูก
 

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่าเหตุโอละพ่อดังกล่าว เป็นการเข้าใจผิดของพ่อผู้เสียชีวิต หลังจากที่ เกิดรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถบรรทุกพ่วงซึ่งจอดไว้ไหล่ทาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ สาหัส 2 คน รถ รพ.ควนขนุนและรถกู้ชีพชะมวง นำส่ง รพ.ควนขนุน ถนน 41 ขาขึ้นเลยสี่แยกโพธิ์ทองไปเล็กน้อย เมื่อเวลา 04.00 น.วันที่ 23 มีนาคม 68 ที่ผ่านมา ต่อมาผู้ได้รับบาดเจ็บหลังจากถูกนำตัวส่ง รพ.ควนขนุน แพทย์ได้รีบนำตัวส่ง รพ.พัทลุง และเสียชีวิต 1 ราย ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจและพยาบาล ได้โทรแจ้งผู้ปกครอง หลังจากได้เบอร์โทรศัพท์ โดยบอกว่า ทำใจลูกคุณประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ขอให้เดินทางมายัง รพ.พัทลุง โดยผู้เป็นพ่อและแม่ได้ถามพยาบาลว่าลูกเจ็บกี่คน พยาบบาลบอกว่า เจ็บสาหัส 1 และเสียชีวิต 1 โดยแม่ยังถามต่อว่าคนที่เสียนั้น อ้วนหรือผอม พยาบาลบอกว่าผอม ก่อนเดินทางมารับศพลูกชาย ที่ รพ.พัทลุง โดยคนที่เสียนั้นชื่อนายพงศภัค ธานีรัตน์ อายุ 17 ปี ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น ชื่อธนกฤต ชูแก้ว อายุ 17 ปี เช่นกัน ก่อนนายวัชรินทร์ ธานีรัตน์ และนางอมราวดี เดชขาว พ่อแม่ เดินทางมารับศพที่ รพ.พัทลุง
 

โดยนางอมราวดี หรือปู ผู้เป็นแม่เล่าว่า หลังจากรับแจ้งจากตำรวจว่าลูกชายเสีย ตนสามีสติแตก มารับศพลูกชายด้วยความอาลัย มาถึงพยาบาลบอกลูกคุณอ้วนหรือผอม บอกว่าผอม ก่อนสามีเดินเข้าไปดูศพแต่จำหน้าไม่ได้เนื่องจากที่ลำคอมีการพันแผลเอาไว้ และไปหน้าก็ยุบหายไป ไม่มีค้าวโครงเดิมเลยจำไม่ได้ แต่แงะใจหลังจากพยาบาลบอกนั้นเสื้อผ้าลูกคุณ ตนบอกว่าไม่ใช่ และตำรวจก็เข้ามาตนก็บอกว่าเสื้อผ้าเปื้อนเลือดไม่ใช่ของลูกชายฉัน แต่ตำรวจไม่ได้ถามอะไร ก่อนนำศพลูกชายกลับบ้านไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนา ที่บ้านเกิด อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 23 มีนาคม 68
 

จนกระทั้งเมื่อวานนี้ แม่ของนายธนกฤต ที่ได้รับบาดเจ็บไปในงานศพลูกชาย แล้วเห็นเขาลงประชาสัมพันธุ์บริจาคเลือดกรุ๊ป เอ เลยสงสัย เพราะเป็นกรุ๊ปเลือดของลูกชาย และในใบชันสูตร์ศพที่รับมาจัดงานนั้น เป็นเลือดกรุ๊ปบี เลยถาม ก่อนพี่นกแกก็บอกว่าแกสงสัยเหมือนกันที่เฝ้าอยู่ที่ รพ. 3 วัน เห็นลูกชายไม่ได้เจาะใบหูเลยสงสัย เพราะลูกชายตนเอง เจาะใบหู ก่อนวันนี้ทั้ง 2 เดินทางมายัง รพ.พัทลุง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับพยาบาลว่าเกิดอะไรขึ้น
 

โดยจากการสอบถามในเบื้องต้น ที่มีทั้งตำรวจ และพยาบาล แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบ โดยขณะนั้นผู้สื่อข่าวได้อยู่ด้วย ก่อนพยาบาลบอกมีอะไรให้ไปคุยกันข้างในและไม่ต้องให้ข้อมูลผู้สื่อข่าวเดี่ยวทาง รพ.จะเสียหาย
 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 250 ม.2 ต.ควนพัง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสถานที่จักงานศพนายพงศภัค ธานีรัตน์ อายุ 17 ปี โดยมีการตั้งศพบำเพ็ญพิธีทางศาสนามาแล้ว 3 คืน มีเครือญาติพี่น้องมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก แต่ในวันนี้ หลังทราบข่าวว่านายพงศภัค ยังมีชัวิตอยู่ ทำให้ทุกคนที่เศร้ามา 3 วัน ต่างก็รู้สึกโล่งใจขึ้น
 

โดยนายวัชรินทร์ ผู้เป็นพ่อกล่าวว่า รู้สึกโล่งใจที่ลูกชายยังไม่เสียชีวิต ก่อนหน้านี้ทำใจไว้แล้วหลังจากรับศพลูกชายมาประกอบพิธีทางศาสนา ตอนไปรับศพลูกก็จำหน้าไม่ได้ในตอนนั้น และตอนรดน้ำศพก็ไม่ได้ดูหน้ากันเนื้องจากใบหน้าเสียโฉมเลยทำให้เข้าใจว่าลูกชาย
 

ด้านยายแคล้ว ชูศรี อายุ 86 ปี ทวดของนายธนฤกต กล่าวตอนแรกรู้สึกเสียใจเพราะหลายมาเสียชีวิต ตั้งแต่เด็กๆ แต่พอมาทราบข่าวอีกครั้งในวันนี้ว่าหลายยังไม่เสียและอาการดีขึ้น ดีใจ ถือว่าเป็นการวาดเคราะห์ไป