วันอาทิตย์ ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 04:25 น.

ภูมิภาค

นครพนมจัดยิ่งใหญ่ งานรำลึกครบรอบ 135 ปีชาตกาล "ลุงโฮ" วีรบุรุษแห่งเวียดนาม ชมบ้านพักหลังเก่าที่ใช้วางแผนกู้ชาติ

วันเสาร์ ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 10.54 น.

ในโอกาสรำลึกวันคล้ายวันเกิดของประธานโฮจิมินห์ หรือลุงโฮ  ซึ่งตรงกับวันที่ 19 พฤษภาคมของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประชาชนชาวเวียดนาม ทั้งในและที่พำนักอาศัยอยู่ต่างประเทศ รวมถึงบ้านนาจอก หมู่ 5 ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่ง โดยในห้วงระหว่างปี พ.ศ. 2467-2474 รวม 7 ปี ท่านประธานโฮจิมินห์เคยเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อกอบกู้เอกราชของประเทศเวียดนามจากฝรั่งเศสนักล่าอาณานิคมในศตวรรษที่ 16 ก่อนจะเริ่มเสื่อมถอยอิทธิพลลงจากสงครามในเวียดนาม ปี พ.ศ.2498 (ค.ศ.1955) ด้วยฝีมือของท่านประธานโฮจิมินห์

และเป็นประจำทุกปี จังหวัดนครพนม โดยอำเภอเมืองนครพนม ร่วมกับสมาคมไทย-เวียดนามฯ ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานภาคเอกชน พร้อมใจจัดงานรำลึกวันคล้ายวันเกิดขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ที่มีมาอย่างยาวนานทั้งด้านการค้า การลงทุน การเมืองการปกครอง และการต่างประเทศ อีกทั้งเพื่อให้ทุกคนได้ร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์ สร้างกุศล เสริมสร้างความรัก ความสามัคคี ด้วยการร่วมกันมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนผู้ยากไร้ในพื้นที่ ให้มีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2568 นี้เป็นวันครบรอบ 135 ปีวันเกิดท่านประธานโฮจิมินห์ หรือลุงโฮ (19 พฤษภาคม 1890-19 พฤษภาคม 2025) ชาวไทยเชื้อสายเวียดนามได้จัดงานในวันดังกล่าวอย่างยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ที่อาคารอเนกประสงค์หมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม บ้านนาจอก หมู่ 5 ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ซี่งอยู่ด้านหลังอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ โดยมีนายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผวจ.นครพนม พร้อมด้วย นายฝั่ม เหวียด หุ่ง (Pham Viet Hung) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย  นายดินห์ ฮว่าง ลินห์ กงสุลฯ ประจำจังหวัดขอนแก่น และ นายเหงียน หงอก ถิ่น นายกสมาคมชาวเวียดนามแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นประธานในพิธี วางพวงมาลา ช่อดอกไม้แสดงความเคารพท่านลุงโฮ 

โดยภายในอนุสรณ์สถานฯ มีอาคารจำลองบ้านเก่าของท่านโฮจิมินห์ จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านแบบเดียวกับยุคที่ท่านได้มาอาศัยอยู่ในช่วงสงครามเวียดนาม แต่ห่างจากบริเวณดังกล่าวไปประมาณ 300 เมตร จะพบเห็นบ้านหลังเก่าของลุงโฮ ลักษณะปลูกติดพื้นดินชั้นเดียว ไม่ได้ยกพื้นสูงเหมือนบ้านชาวอีสานทั่วๆไป ตั้งอยู่ภายในบริเวณบ้านของนายเตียว เหงี่ยน วัน เลขที่ 48 หมู่ 5 บ้านนาจอก ต.หนองญาติ แวดล้อมด้วยต้นไม้หลากชนิด อาทิ ต้นมะพร้าว ต้นมะเฟือง ที่ลุงโฮท่านเป็นคนปลูกด้วยตนเอง ซึ่งลูกหลานยังคงรักษาสภาพบ้านหลังเดิมไว้ให้ได้ชมกัน โดยตลอดระยะเวลา 7 ปีที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย  ลุงโฮได้ใช้บ้านหลังนี้เป็นสถานที่ติดต่อประสานงาน วางแผน และเคลื่อนไหวการต่อสู้ เพื่อปลดปล่อยชาติ ถือได้ว่าสถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญยิ่ง เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ส่งผลให้การกู้ชาติประสบผลสำเร็จ

จากการบอกเล่าของ นางสาวกมลวรรณ วงศ์ประชาสุข หรือกุ้ง อายุ 55 ปี ผู้ดูแลบ้านหลังดังกล่าว ทำให้ทราบว่าคนที่นำพาลุงโฮมาอยู่ที่บ้านนาจอกแห่งนี้ คือปู่ของตนชื่อนายหว่อ ตร่อง ด่าย เพื่อนรุ่นพี่ของลุงโฮ ที่มีอายุห่างกันประมาณ 12 ปี สมัยนั้นพื้นที่บ้านนาจอกเป็นป่า ไม่มีบ้านเรือนหนาแน่นเช่นในปัจจุบัน ปู่ของตนจะเป็นผู้ช่วยเหลือลุงโฮหลายด้าน ทั้งการหาที่พักอาศัย การไปรับไปส่ง บ้านหลังนี้แบ่งออกเป็น 2 ห้องนอน  และ1 ห้องโถง สำหรับวางแผนประสานงาน ด้วยลุงโฮเป็นหัวหน้านักเคลื่อนไหว และเป็นหนุ่มโสดไม่มีครอบครัว จึงสละห้องนอนให้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่มีครอบครัวพัก ส่วนตัวลุงโฮจะไปนอนตามป่ารอบๆบ้าน

หลังลุงโฮกอบกู้ชาติสำเร็จ คุณปู่ก็ได้เดินทางกลับไปเวียดนามด้วย ที่พักแห่งนี้จึงเหลือไว้เป็นอนุสรณ์ในชนรุ่นหลังได้ศึกษา โดยก่อนหน้านี้มีคุณย่าที่เป็นคนไทยและลูกที่เกิดจากคุณปู่นายหว่อ ตร่อง ด่าย เป็นผู้ดูแลสืบเนื่องกันมา ส่วนตนเป็นทายาทรุ่นที่สามที่รับช่วง ดูแลรักษาสภาพบ้านหลังนี้ไว้ ทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวมาชม ตนก็จะเป็นผู้เล่าเหตุการณ์นั้นๆให้รับฟัง นอกจากนี้ที่หน้าบ้านบริเวณทางเข้าบ้านลุงโฮ มีเพิงเล็กๆวางจำหน่ายของฝาก เช่น ขนมป่าน ข้าวต้มมัดเวียดนาม ซึ่งยังคงอนุรักษ์การปรุงแบบดั้งเดิมทุกขั้นตอน

ทั้งนี้ ประธานโฮจิมินห์ หรือลุงโฮ เป็นผู้นำที่เข้มแข็ง มุ่งมั่น และเป็นนักอุดมคติที่ไม่เคยมักใหญ่ใฝ่สูง ใช้ชีวิตเรียบง่ายสมถะ สวมเสื้อผ้าง่าย ๆ อาศัยในบ้านไม้หลังเล็กๆ ใช้เวลาว่างวาดรูปและเขียนบทกวี อ่อนน้อมถ่อมตน แต่มั่นคงในอุดมการณ์ ชาวเวียดนามจึงรักและศรัทธา “ลุงโฮ” มาก และยกย่องท่านเป็นเสมือนบิดาแห่งประเทศเวียดนาม

ลุงโฮเสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2512 ที่เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม ขณะอายุได้ 79 ปี ต่อมาได้มีการกำหนดให้วันที่ 2 กันยายนของทุกปีเป็นวันชาติเวียดนาม รวมถึงเปลี่ยนชื่อเมืองจากไซ่ง่อน เป็นนครโฮจิมินห์ซิตี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านด้วย และในปี พ.ศ.2530 องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh) เป็นบุคคลสำคัญของโลก ส่วนวันที่ 19 พฤษภาคมเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่าน สำหรับปีนี้ครบรอบชาตกาล 135 ปีของลุงโฮ วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของชาวเวียดนาม

หน้าแรก » ภูมิภาค