เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เขื่อนเจ้าพระยายังคงเร่งระบายน้ำเพื่อรองรับฝนตกและน้ำหลากจากพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยล่าสุด กรมชลประทานได้ออกหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 2/2568 ระบุว่าจะมีการเพิ่มการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จากอัตรา 1,000 เป็น 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน ปฏิบัติราชการแทนอธิบดี เปิดเผยว่า คาดการณ์ในช่วงวันที่ 31 พ.ค. จะมีน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C2 จ.นครสวรรค์ ราว 1,300–1,400 ลบ.ม./วินาที ประกอบกับน้ำจากลำน้ำสาขาอีกประมาณ 200–250 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ราว 1,500–1,650 ลบ.ม./วินาที จึงจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำลงท้ายเขื่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำล้นเกินความจุของเขื่อน

ทั้งนี้ การเพิ่มการระบายน้ำจะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนในพื้นที่ลุ่มต่ำที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ เช่น บริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง, คลองบางบาล และพื้นที่ ต.หัวเวียง อ.เสนา, ต.ลาดชิด และ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) เพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 50 เซนติเมตร ถึง 1.30 เมตร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มกระทบพื้นที่ชุมชนโดยตรง

กรมชลประทานจึงขอความร่วมมือจากประชาชนใน 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ได้แก่ จ.อุทัยธานี, จ.ชัยนาท, จ.สิงห์บุรี, จ.อ่างทอง, จ.สุพรรณบุรี, จ.พระนครศรีอยุธยา, จ.ลพบุรี, จ.ปทุมธานี, จ.นนทบุรี, จ.สมุทรปราการ และ กรุงเทพมหานคร ให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมความพร้อมรับมือในกรณีที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลง

สำหรับข้อมูลล่าสุด ปริมาณน้ำไหลผ่านสถานี C2 จ.นครสวรรค์ อยู่ที่ 1,351 ลบ.ม./วินาที น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาที่ อ.เมือง จ.ชัยนาท วัดได้ 16.10 ม.รทก. ขณะที่การระบายน้ำท้ายเขื่อนอยู่ที่ 1,000 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำท้ายเขื่อนอยู่ที่ 11.20 ม.รทก. ห่างจากตลิ่ง 5.14 ม.รทก.