วันอาทิตย์ ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2568 16:23 น.

ภูมิภาค

แม่ทัพภาค 4 ยันจับร้านขายอุปกรณ์ปืนในค่ายวชิราวุธไม่โยงความไม่สงบชายแดนใต้ – ลุยขยายผลเดินหน้าแก้ปัญหายั่งยืน

วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 20.46 น.

วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าหลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเข้าตรวจค้นร้านจำหน่ายอุปกรณ์อาวุธปืนและเครื่องกระสุนภายในร้านค้าสวัสดิการของค่ายวชิราวุธ มณฑลทหารบกที่ 41 จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังได้รับเบาะแสเกี่ยวกับพฤติกรรมต้องสงสัยในการจำหน่ายอาวุธ

พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 แถลงยืนยันว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น อาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่พบภายในร้านค้าสวัสดิการดังกล่าว เป็นอาวุธใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่อาวุธสงคราม และสามารถซื้อขายได้ตามกฎหมายทั่วไปในท้องตลาด โดยไม่มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามที่ประชาชนหลายฝ่ายกังวล

แม่ทัพภาคที่ 4 ระบุว่า การแถลงข่าวล่าช้าเนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันในการสืบสวนสอบสวน จนนำไปสู่การยอมรับสารภาพเกี่ยวกับที่มาของอาวุธดังกล่าว ย้ำว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการใด ๆ แต่เป็นการกระทำของบุคคลที่ใช้ชื่อกำลังพลภายในค่ายเพื่อทำสัญญาเช่าพื้นที่เปิดร้านค้าทางธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยร้านอุปกรณ์ตกแต่งอาวุธปืน เครื่องทหาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และร้านรับส่งพัสดุเอกชน

ในส่วนของการดำเนินการต่อไป ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม โดยมีรายงานว่า ชุดพนักงานสอบสวนเตรียมยื่นหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้เกี่ยวข้องอย่างน้อย 2 ราย หลังจากที่ทนายความส่วนตัวของผู้ต้องหาเข้าขอประกันตัวที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช แต่ไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากคดีนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ ทั้งนี้ ผู้ต้องหามีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อทราบว่าไม่ได้รับการประกันตัว

พลโท ไพศาล กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทัพไม่ได้นิ่งนอนใจ หากพบว่ามีกำลังพลเกี่ยวข้องจริง จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด พร้อมกำชับทุกหน่วยในพื้นที่ห้ามมีการแอบอ้างหรือซุกซ่อนการกระทำผิดภายในหน่วยอย่างเด็ดขาด และพร้อมเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสต่อสื่อมวลชนเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน

ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยยังคงเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและยึดหลักกฎหมายภายใต้นโยบายรัฐบาล มุ่งสร้างความสงบสุขอย่างยั่งยืนในพื้นที่ พร้อมเน้นย้ำว่าทุกการดำเนินการต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่อไป.

 

หน้าแรก » ภูมิภาค