วันจันทร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2568 20:46 น.

ภูมิภาค

องคมนตรี ลงพื้นที่ติดตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในรัชกาลที่ 9 พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง

วันเสาร์ ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 11.09 น.

วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตาม และขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่ภาคใต้ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสารท องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการติดตาม และขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่ภาคใต้ พลโท ธนะ เชียงทอง คณะอนุกรรมการ ฯ พร้อมคณะอนุกรรมการฯ ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ติดตามผลการดำเนินงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ณ โครงการขุดคลองระบายน้ำชะอวด - แพรกเมือง พร้อมประตูระบายน้ำและคันกั้นทราย ตำบลหัวไทร อำเภอหัวไทร และโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าพรุควนเคร็งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราชโดยมีนายสมชาย ลีหล้าน้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกรมชลประทาน หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ผู้นำท้องถิ่นท้องที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเกษตรกร/กลุ่มเกษตรกรพื้นที่อำเภอหัวไทรและใกล้เคียงเข้าร่วมกิจกรรม  

โครงการขุดคลองระบายน้ำชะอวด - แพรกเมือง พร้อมประตูระบายน้ำและคันกั้นทราย ตำบลหัวไทร อำเภอหัวไทร เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง เพื่อช่วยเหลือราษฎร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 มีขนาดก้นคลองกว้าง 150 เมตร ลึก 5 เมตร ลาด Slope ข้างคลอง 1:3 ยาว 26.981 กิโลเมตร มีความจุที่ระดับเก็บกัก 15 ล้านลูกบาศก์เมตร มีประตูระบายน้ำคลองชะอวด - แพรกเมือง  ขนาดกว้าง 12.50 ลึก 7.00 เมตร จำนวน 5 ช่อง สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 540 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมีคันกั้นทราย ความยาว 650 เมตร ทั้งนี้เพื่อป้องกันและบรรเทาอุทกภัย พื้นที่อำเภอชะอวด อำเภอหัวไทร อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอจุฬาภรณ์ และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 200,000 ไร่ ,ป้องกันและบรรเทาปัญหาน้ำเค็มบุกรุกพื้นที่การเกษตรในช่วงฤดูแล้ง และสามารถเก็บกักน้ำจืดไว้ให้ราษฎรใช้เพื่อการเกษตร และอุปโภคบริโภค ในพื้นที่อำเภอหัวไทร และอำเภอเชียรใหญ่ ส่งน้ำให้แก่พื้นที่การเกษตร ประมาณ 97,000 ไร่ และเพื่อการอุปโภคบริโภค ในเขตอำเภอชะอวด อำเภอหัวไทร และอำเภอเชียรใหญ่ ส่วนคันกั้นทราย สามารถป้องกันไม่ให้ตะกอนที่เคลื่อนตัวตามชายฝั่งตกลงบริเวณปากร่องน้ำ ลดการตื้นเขินของปากร่องน้ำ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการระบายน้ำ และการเดินเรือเข้าออกปากร่องน้ำคลองชะอวด - แพรกเมือง ของชาวประมงพื้นบ้าน มีการก่อสร้างอาคารชลประทานตลอดแนวคลองชะอวด – แพรกเมือง ประกอบไปด้วย อาคารควบคุมปากคลองส่งน้ำชลประทาน จำนวน 11 แห่ง อาคารรับน้ำ จำนวน 24 แห่งสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมอาคารประกอบ ริมคลองระบายน้ำชะอวด - แพรกเมือง จำนวน 14 แห่ง อยู่ระหวางปรับปรุงอาคารควบคุมบริเวณปากคลองชักน้ำสาย 1พร้อมสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายน้ำในพื้นที่ ของตำบลทรายขาว และตำบลท่าซอม อำเภอหัวไทร 

ผลการดำเนินงานปี พ.ศ. 2567 ได้ผลงานประมาณ 80% และปี พ.ศ. 2568 ได้ผลงานประมาณ 6% อยู่ระหว่างก่อสร้างระบบส่งน้ำและอาคารประกอบบ้านทะเลปัง พร้อมก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ผลการดำเนินงาน ปี พ.ศ. 2567 ได้ผลงานประมาณ 22% ซ่อมแซมบำรุงรักษาคันกั้นทราย ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังมีแผนดำเนินงานเพื่อปรับปรุงคลองชักน้ำสาย 2 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่การเกษตร ,ก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า จำนวน  4 แห่ง ,ก่อสร้างประตูระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำเค็มและเก็บกักน้ำจืด ในพื้นที่ อำเภอหัวไทร ,ก่อสร้างระบบกระจายน้ำในเขตพื้นที่ ตำบลแหลม  ตำบลเขาพังไกร ตำบลควนชะลิก และตำบลรามแก้ว อำเภอหัวไทร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายน้ำ และเก็บน้ำในพื้นที่การเกษตร ,ขุดลอกคลองระบายน้ำชะอวด–แพรกเมือง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ ปี 2570-2575 และประกาศทางน้ำชลประทานให้ครอบคลุมพื้นที่ ภายใต้การบริหารจัดการน้ำแบบมีส่วนร่วม โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการจัดการน้ำชลประทาน JMC ประตูระบายน้ำคลองชะอวด – แพรกเมือง ซึ่งประกอบไปด้วยตัวแทนจากภาคส่วนต่าง ๆ กรมชลประทาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 

โดยมีกลุ่มบริหารการใช้น้ำชลประทาน จำนวน 14 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มพื้นฐาน จำนวน 80 กลุ่ม สมาชิกจำนวน 3,088 คน พื้นที่ 69,575 ไร่ คลอบคลุมพื้นที่ 6 ตำบล ของอำเภอหัวไทร และ 2 ตำบล ของอำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี นายเสทือน ถาวรนุรักษ์ เป็นประธานคณะกรรมการจัดการน้ำชลประทาน JMC ประตูระบายน้ำคลองชะอวด – แพรกเมือง ลดปัญหาผลกระทบระหว่างพื้นที่ปลูกข้าวของอำเภอหัวไทร และพื้นที่สวนปาล์มน้ำมัน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ ,มีการจัดประชุมชี้แจงและร่วมวางแผนการบริหารจัดการน้ำ ระหว่างเกษตรกร กรมชลประทาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง คือ ก่อนถึงฤดูกาลเพาะปลูกพืชในช่วงฤดูฝน และก่อนฤดูกาลเพาะปลูกพืชในช่วงฤดูแล้ง และมีการปรับปฏิทินการปลูกข้าวนาปีหลังน้ำลด โดยการมีส่วนร่วมระหว่าง ชาวนา กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดแผนการปลูกข้าวตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม ถึง วันที่ 15 มกราคม ในปีถัดไป ทำให้กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสนับสนุนเครื่องสูบน้ำและน้ำมันเชื้อเพลิง จนสิ้นสุดการเก็บเกี่ยว  ทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และเพิ่มผลผลิตข้าวมีปริมาณและคุณภาพเพิ่มมากขึ้น

ภายหลังรับฟังผลการดำเนินงานจากผู้แทนกรมชลประทาน ประธานคณะกรรมการจัดการน้ำชลประทาน (JMC) ประตูระบายน้ำคลองชะอวด – แพรกเมือง และผู้แทนเกษตรกรผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ ถึงการบริหารจัดการน้ำแบบมีส่วนร่วมของโครงการฯ และการปรับเปลี่ยนปฏิทินการปลูกข้าวของเกษตรกรในอำเภอหัวไทรให้สอดคล้องกับการบริหารจัดการน้ำของโครงการฯ องคมนตรีได้ให้ข้อเสนอแนะ และพบปะราษฎรผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ ก่อนออกตรวจเยี่ยมสภาพพื้นที่โครงการฯ และปล่อยพันธุ์ปลาตะเพียนน้ำจืด จำนวน 10,000 ตัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารแก่ราษฎรในพื้นที่ด้วย

จากนั้น องคมนตรีและคณะได้ออกเดินทางไปยังโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าพรุควนเคร็งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนศรศรีธรรรมราช ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช  ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริ ร.9 เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2536 โดยป่าพรุควนเคร็งถือเป็นป่าพรุผืนสุดท้ายของจังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ในโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีเนื้อที่ 316,901 ไร่ สภาพพื้นที่มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี รองรับน้ำจากเทือกเขาหลางมีลำน้ำน้ำหลักไหลผ่านและเป็นพื้นที่รองรับน้ำจากพื้นที่โดยรอบ จึงทำให้เกิดเป็นป่าพรุที่อุดมสมบูรณ์อีกผืนหนึ่งของประเทศ

โอกาสนี้ พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตาม และขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่ภาคใต้ ได้กล่าวในตอนหนึ่งว่า “ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ช่วยกันดูแลรักษาป่าพรุควนเคร็ง ไม่ปล่อยให้เกิดไฟไหม้ เพราะผลเสียที่จะตามมามีมากมาย สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่ และเกิดมลภาวะเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติที่ทรงคุณค่าของประเทศไทย ฉะนั้นงานที่ท่านทำนั้นเป็นงานที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ที่สำคัญทำให้เกิดประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองก็ขอให้ทุกท่านได้มีความภาคภูมิใจในการทำงาน ขอให้ท่านมีกำลังใจและมีกำลังกายที่เข้มแข็งกำลังสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดเพื่อที่จะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบให้ดีที่สุด และที่ขาดไม่ได้ก็คือความร่วมมือซึ่งกันและกันในการทำงาน ในปัจจุบันทำงานคนเดียวไม่ได้ทำงานหน่วยงานเดียวไม่ได้ ต้องทำงานร่วมกันแต่มีเป้าหมายเดียวกัน พร้อมทั้งยังได้อำนวยพรให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ผู้นำท้องถิ่น จิตอาสาที่ร่วมทำงานมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็ง ร่วมมือร่วมใจกันทำงานให้กับประเทศชาติได้บรรลุเป้าหมาย”

โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าพรุควนเคร็งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในการกักเก็บและรักษาระดับน้ำเพื่อป้องกันการเกิดไฟป่าในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง เช่น การลาดตระเวนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า การขุดแพรก การปลูกป่าพรุเพื่อฟื้นฟูนิเวศลุ่มน้ำปากพนัง การสนับสนุนกลุ่มอาชีพโครงการหมู่บ้านพิทักษ์ป่ารักษาสิ่งแวดล้อม การดำเนินกิจกรรมโครงการครูป่าไม้ สนองพระราชดำริฯ การอนุรักษ์ปลาดุกลำพันคืนถิ่น รวมถึงพื้นฟูชนิดพืช อาหารธรรมชาติของปลาดุกลำพัน เป็นต้น โดยมีหน่วยงานร่วมดำเนินการ จำนวน 10 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงาน กปร. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมปาไม้ จังหวัดนครศรีธรรมราช กองทัพภาคที่ 4 ตำรวจภูธรจังหวัตนครศรีธรรมราช กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จำนวน 42เครือข่าย

หน้าแรก » ภูมิภาค