วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์อื้อฉาวในพื้นที่อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งกลายเป็นกระแสร้อนในโลกโซเชียล หลังมีรายงานว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชื่อดังแห่งเมืองคอน พร้อมพวก ได้รุมทำร้ายผู้รับเหมารายหนึ่งในงานบวชลูกชายของนายก อบต.ควนพัง จนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา และมีการเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ร่อนพิบูลย์ในคืนวันเดียวกันนั้น

กระแสดังกล่าวทวีความร้อนแรงหลังมีการเผยแพร่ภาพและเอกสารต่าง ๆ ในโลกโซเชียล โดยประกอบด้วย ภาพผู้รับเหมาได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะจากการถูกของแข็งตี ภาพบันทึกประจำวันของ สภ.ร่อนพิบูลย์ ที่นายฮ่าว ผู้รับเหมา ระบุว่าถูก สส.ชื่อดังและน้องชายพร้อมพวกประมาณ 10 คน รุมทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อยและใช้ของแข็งตีศีรษะ ภาพบันทึกประจำวันในวันถัดมา ที่นายฮ่าวขอถอนคำร้องโดยให้เหตุผลว่า “เข้าใจผิด” และไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับผู้ใด รายงานเหตุอุกฉกรรจ์ที่ยืนยันว่า นายฮ่าวมาลงบันทึกประจำวันและถอนแจ้งความในวันต่อมา โดยอ้างยังมีอาการเจ็บปวด ไม่สะดวกให้ปากคำ

แม้จะมีการถอนแจ้งความอย่างเป็นทางการ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่จบลงง่าย ๆ เมื่อในวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 มีการแชร์ภาพและข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กต่าง ๆ โดยระบุว่า ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าว จนนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ร่อนพิบูลย์ ยังอยู่ระหว่างสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งจากนายก อบต.ควนพัง ผู้จัดงานบวช และพยานอื่นอีก 4 ปาก เพื่อหาข้อเท็จจริงประกอบการดำเนินการตามกฎหมาย โดยยังไม่ได้ยืนยันตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องว่าเป็น ส.ส.ดังตามที่กล่าวอ้างในโลกโซเชียล

ผู้สื่อข่าวยังได้สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่ง ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง แต่เมื่อผู้เสียหายไม่ประสงค์ดำเนินคดี กระบวนการตามกฎหมายก็ต้องยุติลง “ตำรวจชั้นผู้น้อยถูกกดขี่ข่มเหงจากนักเลงอันธพาล ทั้งในอดีตและปัจจุบัน บางคนในหมู่บ้านถึงกับนั่งร้องไห้บนโรงพัก เพราะไม่มีทางสู้” เจ้าหน้าที่รายนี้กล่าวด้วยความอัดอั้น พร้อมเผยว่าบรรยากาศภายในโรงพักเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้แต่ตำรวจบางนายยังตกเป็นลิ่วล้อของผู้มีอิทธิพล

ขณะให้สัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวมีท่าทีระแวดระวัง หันซ้ายหันขวาตลอดเวลา ก่อนจะขอให้ผู้สื่อข่าวรออยู่ภายในโรงพัก จนเจ้าหน้าที่คนอื่นออกไปหมด จึงอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเดินออกจากสถานี

แม้คำร้องเรียนจะถูกถอน แต่คำถามใหญ่ที่ยังคงอยู่ในใจประชาชนคือ…“ตกลงเกิดอะไรขึ้นในงานบวชวันนั้น?” และ “ใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง?” คงต้องติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิดต่อไป ว่าจะสามารถคลี่คลายข้อเท็จจริง และสร้างความกระจ่างให้สังคมได้หรือไม่.