วันที่ 4 มิ.ย.68 เวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางชมเชย (สงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี แม่ค้าขายหอยแมลงภู่ริมทาง ถนน 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี ด้านฝั่งขาออก พื้นที่ ต.เมืองใหม่ อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา ว่า จากสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันได้ทำให้คนทำการค้าขายประสบกับปัญหาขายสินค้าได้น้อย เพราะคนไม่มีเงินในการจับจ่ายซื้อของ ทำให้ตนเองมีรายได้เลี้ยงปากท้องลดลงตามไปด้วย

จากเดิมที่เคยขายหอยแมลงภู่ได้กำไรวันละ 300-400 บาท แต่ปัจจุบันเหลือกำไรอยู่แค่เพียง 200 บาท หรือมีรายได้เพียงวันละประมาณ 200 บาทต่อวันเท่านั้น เพราะตนเองไม่มีอาชีพหรือมีรายได้จากช่องทางอื่น โดยต้องออกมานั่งขายหอยอยู่ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ช่วงเช้าเวลาประมาณ 08.00 น. ไปจนกว่าหอยจะหมด จะไปทำงานอย่างอื่นก็ไม่ไหวแล้วเพราะมีอายุมากแล้ว หากบางวันขายได้น้อยหรือขายหอยไม่หมดก็จะเน่าเสีย จะรับหอยเอามาขายเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ได้กำไรมากขึ้นก็ไม่ได้ เพราะหากขายไม่หมดก็จะยิ่งขาดทุนไปมากกว่าเก่า

โดยปกติตนเองจะรับหอยที่มีคนนำมาส่งให้วันละประมาณ 1 กระสอบหรือประมาณ 50 กก. ในราคา 800 บาท แต่เมื่อนำมาทำความสะอาดแกะเอาเพรียงออกและดึงขนออกจนสอาดหมดจดเพื่อให้คนที่ซื้อพร้อมที่จะนำไปต้มได้ในทันทีเมื่อซื้อไปแล้วนั้น จะเหลือหอยอยู่แค่เพียงประมาณ 27 กก.เท่านั้น และจะนำใส่ถุงวางขาย ขนาด 2.5 กก.ในราคา 100 บาท

จากเมื่อช่วงก่อนหน้าเคยใส่ถุงขนาด 3 กก.ขาย 100 บาทนั้นแทบไม่มีกำไรเหลือเป็นค่าแรงเลย เพราะหอยส่งมาแพงขึ้นจาก 700 มาเป็น 800 บาทแต่ก็ต้องทำไป จึงได้ลดปริมาณลงเหลือ 2.5 กก.ต่อถุง ก็จะเหลือกำไรเพียงประมาณ 200-240 บาท หากวันไหนขายหอยไม่ได้เลยหรือขายไม่หมดก็จะขาดทุนทันที ซึ่งก็เคยมีเป็นบางครั้ง จนต้องติดค้างค่าหอยกับคนที่นำมาส่งให้ขายไว้หลายวันกว่าจะใช้ให้เขาหมด แต่ก็ยังดีที่เขาไม่ได้ว่าอะไรและยังนำเอาหอยมาส่งให้ขายจนพอเก็บรวบรวมเงินคืนเขาไปได้

หลังขายหอยมีกำไรน้อย ได้ค่าแรงเป็นรายได้ต่อวันน้อย ได้เคยนำปลาแห้งปลาเค็มมาวางขาย แต่ก็ขายยากขายไม่ได้ ไม่มีคนซื้อและยังลำบากที่ต้องขนนำกลับไปมาจากบ้านมายังที่ริมถนน เลยต้องขายหอยไปตามเดิมเพียงอย่างเดียว เพราะขายมานานเป็นสิบปีแล้วจึงพอมีลูกค้าประจำ นางชมเชย ระบุ