วันที่ 24 พ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตลาดชายแดนไทย-กัมพูชา ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ หลังจากที่สถานการณ์ ชายแดนไทย-กัมพูชาเกิดข้อพิพาททำให้ด่านพื้นที่ชายอดนหลายที่ถูกปิดไม่ให้เดินทางเข้า-ออกสู้ประเทศไทย-กัมพูชา ส่งพลให้การค้าระหว่างกัมพูชาและประเทศไทย ส่งผลกระทบร้ายแรงที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสำรวจ ตลาดช่องจอมหรือตลาดชายแดนไทย -กัมพูชา โดยพบกับพ่อค้าแม่ค้า ทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา ที่กำลังนั่งเฝ้าร้านอย่างหมดหู่ใจ เนื้องจากเดิทีก่อที่จะเกิดข้อพิพาท เรื่องปัญหาพื้นที่ทับซ้อน ตลาดชายแดนไทย-กัมพูชาแห่งนี้ เคยเป็นที่สร้างความทรงจำให้กับเหล่ากลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ทั้งชาวไทยก็ดี ชาวกัมพูชาก็ดี เคยเป็นแหล่งสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวอย่างดีและนักท่องเที่ยวไปจับจ่ายซื้อของคึกคัก วันนี้นี้กลับดูเงียบวงัดกว่าทุกที ผู้สื่อข่าวได้พูคุยกับพ่อค้า-แม่ค้าชาวกัมพูชาที่ขายของอยู่ภายในตลาดช่องจอม หลังจากได้รับผลกระทบเกี่ยวการขายของ

นางสาวเซงลี่ อายุ 35 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้าชาวกัมพูชา เล่าว่า ล่าสุดหลังจากเกิดความวุ่นวายระหว่างประเทศกัมพูชา และประเทศไทยเรื่องข้อพิพาท ทำให้ส่งผลกระทบร้าบแรงและนำมาสู่ การค้าขายระหว่างประเทศ ตนเองมาขายของอยู่ที่นี้ตั้งแต่ อายุ 13 ปี ปัจจุบัน อายุ 35ปีแล้ว ยังไม่เคยประสบปัญหาแบบนี้มาก่อน เมื่อก่อนเคยขายได้วันละ 3000-5000บาทตอนนี้เหลือ100-300บาท จึงอยากฝากไปถึงนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่จะมาเที่ยวตล่าดช่องจอม ตอนนี้ก็ยังเปิดขายของตามปกติ ไม่มีปัญหาอะไรอย่างที่เป็นข่าว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการเมืองของกัมพูชาเขา วอนึงนักท่องเที่ยวใครที่จะมาเที่ยวจับจ่ายซื้อของตลาดช่องจอม สามารถมาได้ตามปกติ

นางลิตกะตอย อายุ 51ปี แม่ค้าขายอาหารป่าชาวกัมพูชา เล่าว่า เมื่อก่อนหลังจากที่ไม่มีปัญหาข้อพิพาทดังกล่าว ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ คนมาเดินจับจ่ายซื้อของที่ตลาดช่องจอมแห่งนี้ เป็นพันคนต่อวัน ตอนนี้เหลืออยู่ไม่เกิดวันละ30 คน พ่อค้าแม้ค้าชาวกัมพูชาที่ขายของ ต่างได้รับผลกะทบจากากรขายของที่ตลาดกัมพูชาแบบเต็มๆ ของที่ซื้อมาวางขายก็ทยอยเหี่ยวเสียทิ้งไป จึงอยากวิงวอนไปยังกลุ่มนักท้องเที่ยว อยากให้กลับมาเที่ยวตลาดช่องจอมเหมือนเดิม และไม่อย่ากให้มีกานสู้รบกันเกิดขึ้น อยากให้ประเทศไทยและประเทศ กัมพูชารักกันเหมือนพี่เหมือนน้องแบบเมื่อก่อน