ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเจ้าของเพจชื่อ “ขวัญไพรเย็น ขวัญชวนไพร”ได้ประชาสัมพันธ์ผ่านเฟสบุ๊กถึงกลุ่มผู้รักชาติกาญจนบุรี เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา โดยระบุว่า “ส่งข่าวถึงพี่น้องชาวจังหวัดกาญจนบุรีค่ะ อ้าวพี่น้องชาวกาญจนบุรีป่าวประกาศดังๆว่าวันที่ 26 มิถุนายน 68 นี้ รวมกันที่ศาลากลางจังหวัดเวลา 18.00 น นำธงชาติไทยมาด้วยนะพี่น้องเอ้ย ขอแรงพี่น้องช่วยกันกดไลค์กดแชร์ออกไปให้ถึงพี่น้องชาวกาญจนบุรีหน่อยค่ะ”

จากโพสต์ดังกล่าวล่าสุดเมื่อเวลา 17.30 น.วันนี้ 26 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ไปถึงพบประชาชนส่วนใหญ่เป็นหญิงสูงวัยทยอยเดินทางมารวมตัวกันที่หน้าเสาธงพร้อมลงทะเบียนแสดงความจำนงที่จะเดินทางไปร่วมกิจกรรมขับไล่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ ซึ่งครั้งนี้ประชาชนที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มผู้รักชาติกาญจนบุรี มารวมตัวกันประมาณ 30-40 คน ทุกคนต่างพร้อมใจกันนำธงชาติ รวมถึงนำป้ายข้อความประกาศขับไล่นายกรัฐมนตรี มาชูเพื่อแสดงสัญลักษณ์

จากนั้นเวลา 18.00 น.ทุกคนที่มาต่างพร้อมใจกันร้องเพลงชาติที่ด้านหน้าเสาธง จากนั้นตัวแทนกลุ่มผู้รักชาติกาญจนบุรี ได้อ่านแถลงการณ์หนังสือที่ส่งไปถึงนายกรัฐมนตรีผ่านนายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีนายกรกรณ์ อึ้งภากรณ์ ผอ. ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เป็นตัวแทนรับมอบ สำหรับบรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ โดยมีเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ อส.อ.เมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคอยดูแลความสะดวกให้กับทุกคนที่มา

สำหรับเนื้อหาหนังสือที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เช่น ระบุว่า จากกรณีคลิปเสียงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ของไทยสนทนากับสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาและประธานวุฒิสภาของกัมพูชาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ด้วยจิตสำนึกในฐานะประชาชนไทยผู้รักชาติ ศาสน์กษัตริย์  เกียรติภูมิและประโยชน์ โดยรวมของประชาชนไทยเรา 

ขอแสดงความไม่ไว้วางใจอย่างยิ่งต่อนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร กรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร กับนายฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายการดำเนินการที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำให้เกิดความสูญเสียพื้นแผ่นดินอันเป็นอธิปไตยของชาติไทย ทำลายความมั่นคงเกียรติภูมิและประโยชน์โดยรวมของประเทศไทยอย่างร้ายแรง

พฤติกรรมของผู้นำประเทศในลักษณะดังกล่าว ไม่เพียงขาดคุณธรรมและจริยธรรมอย่างร้ายแรง หากยังอาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมายหลายประการ ได้แก่ 1 ขัดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หมวด 5 หน้าที่ของรัฐมาตรา 52 ซึ่งระบุว่ารัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราชอธิปไตยบูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิ์อธิปไตยเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐและความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อประโยชน์แห่งการนี้รัฐต้องจัดให้มีการทหารการพูดและการข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพกำลังทหารให้ใช้เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศด้วย เป็นต้น