เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานเปิดงาน "Spotlight Koh Tao 2025" เทศกาลท่องเที่ยวเกาะเต่ายั่งยืน ซึ่งจัดขึ้นที่ สวนมะพร้าวตาโอ หาดทรายรี เกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยกิจกรรมครั้งนี้ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนบนเกาะเต่า ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์และรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับแนวทาง BCG Economy โดยมี นางรำลึก อัศวชิน นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเกาะเต่า นายนิโรช นวลวัฒน์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนประชาชนนักท่องเที่ยว เข้าร่วมงานจำนวนมาก

งาน Spotlight Koh Tao เกิดจากพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนในชุมชนเกาะเต่า ทั้งภาครัฐ เอกชน นักอนุรักษ์ ชาวบ้าน เยาวชน และผู้ประกอบการท้องถิ่น ที่ พร้อมผลักดันเกาะเต่าให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน ภายใต้แนวคิด "Harmony with Nature - A Sustainable Future "อยู่ร่วมกับ ธรรมชาติอย่างกลมกลืน สู่อนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน" เพื่อยกระดับเกาะเต่าให้เป็นต้นแบบของเกาะท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก"

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี  กล่าวถึงความสำคัญของงานนี้ว่า Spotlight Koh Tao 2025 เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของพลังชุมชนในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะการบูรณาการแนวคิดเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เข้ากับอัตลักษณ์และทุนทางธรรมชาติของเกาะเต่าได้อย่างเป็นธรรมชาติทั้งนี้ ผู้ว่าฯยังกล่าวชื่นชมการทำงานอย่างเข้มแข็งของทุกภาคส่วนบนเกาะเต่าที่ร่วมขับเคลื่อนงาน พร้อมแสดงความ เชื่อมันว่า Spotight Koh Tao จะเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้ แรงบันดาลใจ และจุดประกายแนวทางใหม่ ๆ ของการท่องเที่ยว ยั่งยืนทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ อีกทั้งเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์เกาะเต่าในฐานะแหล่งเรียนดำน้ำระดับโลกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ขณะที่นางรำลึก อัศวชิน ระบุว่า กิจกรรมตลอดระยะเวลา 3 วัน ครอบคลุมทั้งบนบกและในทะเล เช่น กิจกรรมฟื้นฟูแนวปะการัง ดูแลทุ่น การเก็บขยะชายหาดและใต้ทะเล สร้างบ้านปลา กิจกรรมชุมชน เช่น ผ้ามัดย้อมจากธรรมชาติ เครื่องประดับจากขยะทะเล และเวิร์คช้อปเศรษฐกิจ หมุนเวียน ตลาดสีเขียว ขบวนพาเหรดศิลปะจากวัสดุรีไซเคิล กิจกรรมกีฬาสากล - กีฬาพื้นบ้านริมชายหาด นิทรรศการวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ชุมชนเกาะเก่า

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมด้านสุขภาวะ เช่น โยคะ การนวด และการบำบัดด้วยน้ำแข็งและเสียง ซึ่งออกแบบให้เชื่อมโยงกับวิถี ชีวิตของเกาะดำน้ำอย่างแท้จริง งานในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมวันละกว่า 3,000 คน และสามารถกระจายรายได้สู้ท้องถิ่นไม่น้อยกว่า 30-40 ล้านบาท พร้อม ทั้งเสริมพลังเครือข่ายด้านการอนุรักษ์.