เวลา 13.00 น.วันที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่ หอประชุมโรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร และนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐ ได้เดินทางลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ พร้อมร่วมเป็นสักขีพยานในการมอบบัตรประจำตัวประชาชนแก่ผู้ได้รับอนุมัติสัญชาติไทย จำนวน 21 ราย โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชน  ให้การต้อนรับ

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวรายงานสถานการณ์ว่า จังหวัดเชียงรายมีบุคคลที่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทยจำนวน 137,371 คน โดยที่ผ่านมา ได้รับการอนุมัติสัญชาติแล้ว 10,058 คน และได้รับสถานะบุคคลต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว 667 คน ยังคงเหลือผู้รอการดำเนินการอีก 95,391 คน แบ่งเป็นผู้ขอลงรายการสัญชาติไทย 19,613 คน และผู้ขอสถานะบุคคลต่างด้าวอีก 75,778 คน

ทั้งนี้ จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ได้กำหนดแนวทางใหม่ในการเร่งรัดกระบวนการอนุมัติสัญชาติไทยและสถานะบุคคล โดยลดระยะเวลาในการพิจารณาจากเดิม 180 วัน เหลือเพียง 5 วัน เช่นเดียวกับการอนุมัติสถานะบุคคลต่างด้าวจากเดิม 270 วัน เหลือเพียง 5 วัน พร้อมกระจายอำนาจให้ “นายอำเภอ” เป็นผู้อนุมัติโดยตรง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและรวดเร็ว

ด้านนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีต่อพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับสัญชาติไทยในวันนี้ พร้อมย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลอย่างจริงจัง เพราะเป็นเรื่องของสิทธิพื้นฐานในการเข้าถึงบริการของรัฐ เช่น การศึกษา การรักษาพยาบาล และการมีส่วนร่วมในสังคมอย่างเสมอภาค และขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง จังหวัดเชียงราย และอำเภอต่าง ๆ ที่ร่วมกันผลักดันให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และขอให้พี่น้องประชาชนภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย พร้อมเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป

พร้อมกันนี้ นางสาวฝน เวยเจ่อ ตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า ในพื้นที่อ.แม่จัน ที่ได้รับบัตรประจำตัวประชาชนในครั้งนี้ ได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญ และผลักดันมติ ครม. ที่ช่วยลดขั้นตอนและเร่งรัดการอนุมัติสัญชาติไทยให้ดำเนินการเสร็จภายใน 5 วัน พร้อมยืนยันว่าพี่น้องชาติพันธุ์จะร่วมกันเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างเต็มความสามารถ

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของรัฐบาลในการสร้างความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างสังคมที่ทุกคนมีสถานะ มีสิทธิ และศักดิ์ศรีอย่างเท่าเทียมกัน