ตชด.235 ซีลเข้ม จับลุงวัย 67 ขนยาบ้ากว่า 3 แสนเม็ด อ้าง "ข้ามาคนเดียว" เพราะโลภอยากได้ค่าจ้างเต็ม

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 (ร้อย ตชด.235) อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พ.ต.ท.บัญชา สมัครรัฐกิจ รองผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 พร้อมด้วย พ.ต.อ.คณพศ พนมชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนาแก, พ.ต.ท.พิจักษณ์ พงษ์บุบผา สารวัตรสถานีตำรวจน้ำที่ 2 กองกำกับการ 10 กองบังคับการตำรวจน้ำ, พ.ต.อุดร สุนนทราชาช ผู้บังคับกองร้อย ตชด.235 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 322,000 เม็ด และรถยนต์กระบะ 1 คัน

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าติดตามขบวนการค้ายาเสพติดที่คาดว่าจะลำเลียงสิ่งผิดกฎหมายผ่านพื้นที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ไปยังเอเย่นต์ภายในประเทศ โดยใช้รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ ติดแผ่นป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร

กระทั่งพบรถเป้าหมายบนถนนสายมุกดาหาร–นครพนม มุ่งหน้าเข้าสู่ถนนสายรองหมายเลข 2033 เจ้าหน้าที่จึงสะกดรอยและประสานดักจับที่สามแยกบ้านจอมมณี ตำบลพิมาน อำเภอนาแก เมื่อส่งสัญญาณให้หยุด รถคันดังกล่าวกลับเร่งเครื่องหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงยิงยางล้อหน้าด้านซ้ายเพื่อสกัด ก่อนเข้าตรวจค้น

ภายในรถพบผู้ต้องหาเพียงคนเดียว ทราบชื่อคือนายโรจน์ อายุ 67 ปี ชาวจังหวัดนครพนม ลักษณะสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเหลือง กางเกงยีนส์สามส่วน และรองเท้าแตะ ที่เบาะหลังพบกระสอบป่าน 3 ใบ ภายในบรรจุยาบ้าประมาณ 322,000 เม็ด

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายโรจน์ให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายทุนชาวลาวให้นำยาบ้าข้ามจากริมแม่น้ำโขงบริเวณ ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม โดยใช้รถของลูกสาวขับไปขนของที่มีผู้นำใส่รถไว้แล้ว จากนั้นขับไปตามเส้นทางที่นัดหมายเพื่อส่งต่อ แต่ถูกจับก่อนถึงจุดหมาย ได้รับค่าจ้าง 50,000 บาท โดยรับล่วงหน้า 5,000 บาทเป็นค่าน้ำมัน และอ้างว่าเป็นการรับงานครั้งแรก อีกทั้งเลือกมาคนเดียวเพราะต้องการรับเงินเต็มจำนวน

เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาแก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป