วันพฤหัสบดี ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568 13:39 น.

ภูมิภาค

สดร. แจงกรณีลูกไฟสีเขียวใหญ่บนฟ้าเสียงดังสนั่นคาดเป็นดาวตกชนิดระเบิด ส่วนหนึ่งปรากฏการณ์ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์

วันจันทร์ ที่ 04 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 15.06 น.

เมื่อ เวลา 13.45 น.วันที่ 4 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี  ได้รับแจ้งจากงานประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กรสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร. หรือ NARIT) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ชี้แจงกรณีที่มีรายงานการพบลูกไฟสีเขียวสว่างวาบ พาดยาวบนท้องฟ้า ช่วงคืนวันที่ 3 สิงหาคม 2568 ตามด้วยเสียงดังสนั่นที่ได้ยินพร้อมกันหลายพื้นที่ ทั้งในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่พบรายงานความเสียหายหรือการเกิดอันตรายแต่อย่างใด 

จากหลักฐานที่รวบรวบรวมได้ อาทิ ข้อมูลการโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ภาพถ่าย และวิดีโอ เบื้องต้นคาดว่าอาจคือ ดาวตกชนิดระเบิด (Bolide) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ เป็นเหตุการณ์ที่สามารถอธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ 

นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ รักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการ สดร.กล่าวว่า จากข้อมูลที่มีการเผยแพร่ คลิปวิดีโอและภาพถ่ายในโซเชียลมีเดีย ช่วงคืนวันที่ 3 สิงหาคม 2568  เวลาประมาณ 23:52 - 23:55 น. หลายพื้นที่ในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร อ่างทอง นครนายก นนทบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ สุรินทร์ มีข้อมูลรายงานพบเห็นลูกไฟสีเขียวขนาดใหญ่วิ่งพาดผ่านท้องฟ้าเป็นแนวยาวประมาณ 10 วินาที พุ่งจากทางทิศตะวันออก พร้อมได้ยินเสียงดังสนั่นคล้ายเสียงระเบิดตาม 

จากคุณสมบัติเหล่านี้ คาดว่าเป็นดาวตกชนิดระเบิด (Bolide) ที่มีความสว่างมากกว่าแมกนิจูดปรากฏ -14.0 เป็นต้นไป (สว่างมากกว่าดวงจันทร์เต็มดวง) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีระดับความสูงอยู่ที่ 80 ถึง 120 กิโลเมตร จึงสามารถสังเกตเห็นได้หลายพื้นที่ในประเทศไทย นอกจากนี้ ในช่วงวันที่ 17 กรกฎาคม - 24 สิงหาคมของทุกปี จะเป็นช่วงที่มีปรากฏการณ์ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ (Perseids) จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า ดาวตกชนิดระเบิดดวงนี้ อาจเป็นส่วนหนึ่งของฝนดาวตกดังกล่าว ที่จะมีอัตราการตกเฉลี่ยสูงสุดประมาณ 100 ดวงต่อชั่วโมง ในคืนวันที่ 12 ถึงรุ่งเช้า 13 สิงหาคม 2568 

ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ หรือที่คนไทยคุ้นเคยกันในชื่อ “ฝนดาวตกวันแม่” เกิดจากเศษฝุ่นของดาวหางสวิฟท์-ทัตเทิล (109P/Swift-Tuttle) ที่หลงเหลืออยู่ในแนววงโคจร เมื่อโลกเคลื่อนผ่านเข้าไปในบริเวณนั้น เศษฝุ่นจะถูกแรงโน้มถ่วงดึงเข้าสู่ชั้นบรรยากาศและลุกไหม้จนเกิดเป็นแสงสว่างวาบบนท้องฟ้า ฝนดาวตกนี้มีลักษณะเด่นคือดาวตกสีเขียวสดใสจากองค์ประกอบของแมกนีเซียม เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ 
ไม่มีผลกระทบต่อโลก

ปัจจัยที่ส่งผลต่อสีของดาวตก เกิดจากองค์ประกอบทางเคมีของดาวตก และรวมถึงชนิดของแก๊สในชั้นบรรยากาศโลก เมื่อดาวตกพุ่งเข้ามาในชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วสูงมาก 
จะเกิดการเสียดสีจนมีความร้อนสูง และเกิดการเผาไหม้ และเปล่งแสงออกมาในช่วงคลื่นต่าง ๆ 
เราจึงมองเห็นสีของดาวตกปรากฏในลักษณะที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสองปัจจัยได้แก่ องค์ประกอบทางเคมี โมเลกุลของอากาศโดยรอบ

ในแต่ละวันจะมีวัตถุขนาดเล็กผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศโลกเป็นจำนวนมาก เราสามารถพบเห็นได้เป็นลักษณะคล้ายดาวตก และยังมีอุกกาบาตตกลงมาถึงพื้นโลกประมาณ 44-48.5 ตันต่อวัน แต่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ห่างไกลผู้คน จึงไม่สามารถพบเห็นได้ ดาวตกนั้นจึงเป็นเรื่องปกติและสามารถอธิบายได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์

***  ขอบคุณคลิปดาวตกจาก Facebook ฮาบี๊บ ประดับญาติ  ***
 

หน้าแรก » ภูมิภาค