วันที่ 9 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการการประชุม GBC  ที่ผ่านมา นางราตรี แสงรุ่งเรือง ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสระแก้ว ให้ความคิดเห็นว่า การพูดคุยกันระหว่าง 2 ประเทศเป็นไปในทิศทางที่ดี ข้อตกลงมีความยุติธรรม ครอบคลุม  แต่ สำหรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพื้นที่ชายแดนนั้น มองว่าแรงกระเพื่อมจากการประชุม GBC จะยังไม่ส่งผลกระทบในระดับพื้นที่ แต่ ภาพความเชื่อมั่นนั้น ให้ใจ และให้ความหวังกับผู้ประกอบการ ซึ่งบางส่วนรู้สึกเชื่อมั่นว่า โอกาสการค้าจะกลับมา แม้ไม่เหมือนเดิมแต่เชื่อว่าจะมีจุดเริ่มต้นที่ดี 

เกือบ 3 เดือน นับตั้งแต่เริ่มกระชับเวลาข้ามพรมแดน  ผู้ประกอบการชาวสระแก้วเริ่มปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดในสถานการณ์ที่การค้าขายชะลอตัว โดยอาจจะใช้วิธีการลดแรงงาน ลดต้นทุนใช้จ่ายให้น้อยที่สุด เพื่อรอดูสถานการณ์ ทั้งนี้ยังคงต้องจ่ายดอกเบี้ย ค่าน้ำค่าไฟตามปกติ โดยยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาผลักดัน ให้เกิดการชะลอ นอกจากนี้ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสระแก้ว ยังกล่าวเสริมอีกว่า เป็นไปได้มากที่สุดว่าแรงกระเพื่อมที่จะส่งถึงอย่างชัดเจนในพื้นที่ชายแดน จะต้องเกิดขึ้นหลังการประชุม JBC การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชาเนื่องจาก สถานการณ์แนวชายแดน ไทยให้ หน่วยงานด้านความมั่นคงเป็นผู้ดูแล หาก จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ของจังหวัดสระแก้ว น่าจะเป็นเรื่องของระดับกองทัพซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาติดตามดูสถานการณ์ อีกซักระยะเชื่อว่าอยู่ในช่วง1-3 เดือน

ในส่วนผลกระทบด้านอื่นๆที่หลายหน่วยงานเป็นห่วงโดยเฉพาะปัญหาแรงงานเชื่อว่าจังหวัดสระแก้วจะยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะยังไม่ถึงฤดูตัดอ้อย แต่จังหวัดที่จะกระทบก็คือจังหวัดจันทบุรีในส่วนของแรงงานเก็บลำไยที่จะกระทบอย่างแน่นอน และหากสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย สิ่งแรกที่รัฐบาลจำเป็นต้องกระตุ้น อาจจะไม่ใช่เรื่องของการท่องเที่ยว  เพราะการท่องเที่ยว ในพื้น ที่ ชายแดนนั้น เป็นเรื่องที่ต้อง พร้อมเติบโตไปด้วยกันทั้ง 2 ประเทศ หากสระแก้วพร้อมแต่ประเทศเพื่อนบ้านยังไม่พร้อมแผนการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงอาจจะไม่เกิดขึ้น 

ส่วนการกระตุ้นในส่วนอื่นที่รัฐบาลสามารถทำได้ เช่น ธนาคารร่วมมือกัน ช่วยปรับลดอัตราดอกเบี้ย ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งทั้งหมดนี้ เชื่อว่าสามารถช่วยสนับสนุน กลุ่มผู้ประกอบการ หรือผู้ประกอบการหน้าใหม่ ที่ต้องการทำธุรกิจในพื้นที่  แต่ในส่วนของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่ลงหลักปักฐานแล้ว จะยังคงแบกรับเงินกู้ค้างเก่าให้มั่นคงก่อน และดำเนินธุรกิจแบบระมัดระวังหรือชะลอตัว เพื่อดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ส่วนทางด้านแม่ค้าโรงเกลือ ชาวจังหวัดพนมเปญ ประเทศกัมพูชาได้เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดสถานการณ์ช่วงวันที่ 24 กรกฎาคม2568ที่ผ่านมา และต่อมา กองกำลังบูรพาฯได้มีการนำรถถังมาตั้งอยู่ที่บริเวณ หน้าสถานีตำรวจภูธรบ้านคลองลึก จึงทำให้ตัดสินใจสองคนกับสามีเดินทางกลับกัมพูชาทันที แต่เมื่อติดตามดูสถานการณ์แล้วก็พบว่าพื้นที่ชายแดนด้านจังหวัดสระแก้วเหตุการณ์ปกติ จึงได้เดินทางกลับมาอีกครั้งโดยใช้เส้นทางทางอากาศเดินทางจากสนามบินพนมเปญมายังท่าอากาศยานดอนเมืองจังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยการเข้าเมืองแม้จะต้องตอบคำถามมากกว่าปกติแต่ก็สามารถเดินทางกลับเข้ามายังร้านค้าภายในโรงเกลือได้ เมื่อได้เปิดร้านก็พบว่า การค้าขายแม้จะซบเซาแต่ก็จำเป็นต้องเปิด เพราะมีลูกค้ารอซื้อสินค้าอยู่บ้าง และหลังจากที่ได้ติดตามข่าวสารการประชุมของทั้งสองประเทศเชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ก็ได้แต่หวังอย่างนั้น