วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568 10:36 น.

ภูมิภาค

ส่องเลขจอมปลวก ปกคลุมพระพุทธรูปทั้งองค์ มีหงอนคล้ายเศียรพญานาค พบเครื่องลายครามสมัยราชวงศ์หมิงที่วัดโบราณ

วันเสาร์ ที่ 09 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 18.41 น.

ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม ในปี พ.ศ. 2430 สมัยรัชกาลที่ 5 ได้อยู่ในการปกครองของกรุงเทพมหานคร และเมืองเวียงจันทน์ในคราวเดียวกัน ต่อมาบ้านท่าค้อได้เปลี่ยนชื่อใหม่  โดยสมัยมีการสู้รบกันด้วยมีดดาบ แม่ทัพนายกองได้ใช้กลวิธีให้ทหารตำน้ำพริกใส่กระบอกไม้ไผ่ เพื่อสาดใส่หน้าคู่ต่อสู้ จึงเรียกว่าบริเวณนั้นว่าบ้านห้วยน้ำแจ่ว หรือห้วยน้ำพริก  

ประชาชน ต.ท่าค้อส่วนใหญ่เป็นชาวลาวพวน ต่อมาเกิดโรคระบาด (โรคห่า) หรืออหิวาตกโรค ชาวบ้านจึงได้อพยพไปตั้งชุมชนที่ห้วยบังกอ ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นป่าทึบ มีทางลงห้วยบังกอเพียงด้านเดียว คือ ท่าวัดโพธิ์ไทร และริมห้วยมีต้นค้อหรือหมากค้ออยู่หนึ่งต้น จึงได้ขนานนามหมู่บ้านนี้ว่าบ้านท่าค้อตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ทั้งนี้ ต.ท่าค้อมีประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ยุคอาณาจักรศรีโคตบูรรุ่งเรือง จึงพบเห็นซากปรักหักพังศาสนสถานของศาสนาพุทธอยู่หลายแห่ง ภายหลังได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากรแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักของบุคคลภายนอกมากนัก 

ล่าสุด นายคมสิน ศรีมานะศักดิ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครพนม ได้เล็งเห็นความสำคัญของโบราณสถาน รวมถึงวิถีของชาวชุมชน ต.ท่าค้อ ที่ผูกพันกับแม่น้ำโขงมาแต่ไหนแต่ไร จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม (ทกจ.ฯ) วัฒนธรรมจังหวัดนครพนม (วธ.นครพนม) มหาวิทยาลัยนครพนม (มนพ.) และองค์กรภาคเอกชน ร่วมกิจกรรม “เที่ยวท่าค้อชุมชนยลวิถี : แซ่บนัวดีไก่ศรีโคตบูร” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว 3 ธรรม (ธรรมะ ธรรมชาติ วัฒนธรรม) ชุมชนตำบลท่าค้อ

จุดเช็คอินในกิจกรรมครั้งนี้ เริ่มต้นกันที่บ้านหนองจันทร์ หมู่ 13 ต.ท่าค้อ เยี่ยมชมโบราณสถานวัดร้างนาโป่ง หรือชาวบ้านเรียกวัดก้อนเส้า เนื่องจากในสมัยที่ยังไม่รู้คุณค่าของโบราณ ชาวบ้านได้นำก้อนอิฐมาทำเป็นเตาประกอบอาหาร ลักษณะเรียงเป็น 3 เส้า สำหรับวางหม้อ กระทะ จึงเรียกกันติดปากว่าวัดก้อนเส้า 

วัดแห่งนี้ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างในสมัยใด มีเจดีย์ใหญ่เป็นองค์ประธาน รวมถึงวิหาร อุโบสถหรือสิมมีใบเสมาหินทรายปักล้อมรอบ ฐานอาคารอย่างน้อย 2 หลัง และร่องรอยเตาเผา สันนิษฐานว่าใช้สำหรับเผาอิฐ และกระเบื้องมุงหลังคา มีระดับที่อยู่ลึกกว่าโบราณสถาน จึงได้กลบดินทับไปหมดแล้ว

นอกจากนี้กรมศิลปากร พบโบราณวัตถุเช่นชิ้นส่วนพระพุทธรูปทำด้วยสำริด เครื่องมือโลหะ เครื่องถ้วยสุโขทัยจากเตาศรีสัชนาลัย เครื่องถ้วยจีนลายครามสมัยราชวงศ์หมิง กำหนดอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 22-24 ล่วงมาแล้ว 

จากนั้นได้เดินทางไปยังวัดเมืองเก่า หรือวัดบ้านเมืองเก่า หมู่ 2 ต.ท่าค้อ พบโบสถ์ที่ชาวบ้านร่วมกันสร้างขึ้นมาครอบหลังเดิม แต่ที่ทำให้ทุกคนต้องตะลึงคือพระประธานขนาดใหญ่ที่อยู่ภายใน มีจอมปลวกขึ้นปกคลุมจนแทบจะมองไม่เห็น จะเห็นแต่หน้าผากและเกศของพระพุทธรูปเท่านั้น ส่วนจอมปลวกมองแล้วคล้ายเศียรพญานาค ตามคติความเชื่อจึงจุดธูปเสี่ยงทายขอโชคลาภ ได้เลขมงคลงคล 4,5,0 เพื่อเป็นแนวทางเสี่ยงโชคลอตเตอรี่งวดประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2568 

หลังกราบลาพระประธานในโบสถ์แล้ว พระครูกันตปุญญรังสี อายุ 78 ปี เจ้าอาวาสวัดเมืองเก่า ก็ได้ให้ไปไหว้ศาลอัญญาพระไช เป็นศาลเก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยอาณาจักรศรีโคตบูร ทั้งนี้อัญญาพระไช (อัญญาคือเจ้าผู้เป็นใหญ่เหนือกฎหมาย เหนือชีวิต) เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชน เป็นตัวแทนของเจ้าเมืองที่มีความกล้าหาญ มีความสามารถในการสู้รบปกป้องบ้านเมืองและปราบปรามศัตรู โดยเฉพาะสายมูเตลูเชื่อว่ามาขอพรเรื่องหน้าที่การงานจะประสบผลสำเร็จ ยกเว้นห้ามขอให้รอดการเป็นทหารเด็ดขาด รายไหนรายนั้นมาบนบานจะจับได้ใบแดงทุกคน เพราะอัญญาพระไชท่านเป็นทหารนักรบนั่นเอง

จุดสุดท้ายของกิจกรรมอยู่ที่ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีบ้านท่าค้อ แม่ครัวได้จัดอาหารเที่ยง เมนูหลักคือ ก้อยปลา ต้มปลา แจ่ว ส้มตำ และเสริมด้วยไก่ย่างศรีโคตรบูร ถือเป็นความสำเร็จของมหาวิทยาลัยนครพนม ด้านงานวิจัยการพัฒนาไก่สายพันธุ์ใหม่ โดยใช้ไก่พันธุ์พื้นเมือง ผสมน้ำเชื้อกับไก่ลูกผสม หรือเรียกว่าไก่สามสายเลือด จนได้สายพันธุ์ที่ต้องการ และตั้งชื่อว่าไก่พันธุ์ศรีโคตบูร เป็นต้นกำเนิดมาจากงานวิจัยของ ม.นครพนม จุดเด่นคือใช้ระยะการเลี้ยงน้อยกว่าไก่พันธุ์อื่นๆ โตเร็ว เนื้อแน่นไขมันน้อย 


 

หน้าแรก » ภูมิภาค