วันอาทิตย์ ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2568 01:33 น.

ภูมิภาค

“สุวัจน์” ชี้การเมืองปี 3 ไม่ต้องตกใจ เอาวิกฤติเป็นโอกาส

วันพฤหัสบดี ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 10.16 น.

โคราช “สุวัจน์” ชี้การเมืองให้เปลี่ยนมุมมองไม่ต้องไปตกอตกใจ ปีที่ 3 แล้ว ไม่ต้องไปกังวล ไม่ต้องไปเครียด ย้ำเครียดให้น้อย มีโฟกัส มีสมาธิ ระบุการเมืองอะไรจะเกิดก็เกิด เผยให้เอาวิกฤติมาเป็นโอกาส
 
         
นครราชสีมา วันนี้ (15 สิงหาคม 2568) ที่จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา แกนนำบ้านใหญ่พรรคชาติพัฒนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองช่วงปลายเดือนสิงหาคมและกันยายนนี้รัฐบาลจะไปต่ออย่างไรนั้นว่า การเมืองถ้ามองว่าทุกอย่างตราบใดและอยู่ในกติกาเราน่าที่จะสบายใจ การเมืองสมมุติถ้าจะมีปรับ ครม.อีก หรือมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หรือมีการยุบสภา อย่าไปตกใจ เพราะเราถือว่าสิ่งต่างๆนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในระบอลประชาธิปไตย ลือกตั้งกันมาแล้ว 4 ปี เราจะต้องเจอการปรับ ครม. หรือการจัดรัฐบาลหลายครั้ง หรือการยุบสภา ถ้าเราไม่ตกใจกับเขา อันนี้ถือว่าเป็นด่านที่เราต้องเจอ เป็นด่านในมอเตอร์เวย์ที่เราต้องเจอ แต่ที่เราน่ากลัวไปมากกว่านั้น ถ้าไม่ใช่ประชาธิปไตย ฉะนั้นวันนี้บางที่เราก็จะตกอกตกใจว่าเอ่ะเดี๋ยวมีอะไรเกิดขึ้น จะต้องปรับอะไรกันใหม่อีกมั๊ย จะต้องยุบสภาใหม่มั๊ย ตนว่าถ้าเราเปลี่ยนมุมว่าไม่ต้องไปตกใจ เพราะอยู่ในระบอบประชาธิปไตย และวันนี้เราก็มาตั้งครึ่งเทอมแล้ว ตอนนี้เข้าปีที่ 3 แล้ว ฉะนั้นเราก็พยาบามที่จะประคับประคองให้รัฐบาลสามารถทำงานต่อไปมีความต่อเนื่อง แต่ถ้าเกิดว่ามันมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น ยางแตกก็เปลี่ยนยาง เครื่องยนต์ไม่ดีก็ซ่อมเครื่อง แต่ทุกอย่างขอให้อยู่ในวงจรของการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย เราไม่ต้องไปกังวล และไม่ต้องไปเครียด ตนว่าเครียดกับเรื่องเศรษฐกิจดีกว่า วันนี้ตนว่าการเมืองเครียดให้น้อย แต่เรามีโฟกัส มีสมาธิว่า เราจะรวมพลังคนไทย รวมนักวิชาการ รวมคนเก่ง รวมผู้ประกอบการ รวมภาคแกชนมาร่วมมือกับรัฐบาลทำอย่างไรที่จะสร้างนวัตกรรม (Innovation) หรือออกมาช่วยเสียสละ มาช่วยกันแก้ปัญหา ช่วยคนยากคนจน เช่น อย่างที่ตนบอกเราไม่ไปเที่ยวเมืองนอกมั๊ย เที่ยวเมืองไทยกันมากๆ  อย่างนี้ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่เราช่วยชาติได้ เราไม่ต้องไปเคียดกับการเมือง เครียดกับเศรษฐกิจแล้วมาโฟกัสเรื่องนี้กัน แล้วการเมืองอะไรจะเกิดก็เกิด
 
         
ผู้สื่อข่าวถามว่าอำไรจะเกิดก็เกิดก็พ้อมเลือกตั้งแล้ว นายสุวัจน์ฯตอบว่า ก็แน่นอน ตนว่าเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ดี การเลือกตั้งเป็นทางออกของสถานการณ์ที่ไม่ลงตัว สถานการณ์ของความหงุดหงิด สมมุติ หงุดหงิดเรื่องนั้นหงุดหงิดเรื่องนี้ หงุดหงิดกับการทำงานของฝ่ายการเมือง หรือมีอะไรที่กดดันรัฐบาล หรือมีอะไรก็แล้วแต่ พอเลือกตั้งแล้ว พอบรรยากาศเลือกตั้งแล้วมันเหมือนกับมานับหนึ่งใหม่ อย่างพล.อ.ชายชาติ ชุณหะวัณ จะบอกว่า เลือกตั้งก็คือการลบเทป นับหนึ่งเหมือนกับมวยจบเป็นยกๆ ฉะนั้นต้องบอกว่าเป็นเรื่องปรกติ ตนก็คิดว่าถ้ามีอะไรที่จะต้องนำไปสู่การเลือกตั้งตนว่าเหมือนกับเคลียร์หน้าเสื่อ เคลียร์ปัญหา นับหนึ่งกันใหม่ สบายใจด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากเลือกตั้ง แต่เป็นอะไรที่เกิดตามกติกาตนว่าเรารับได้
 

ตอบข้อถามถึงกระแสข่าว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร”อุ๋งอิ๊ง”จะลาออกก็อย่าไปคิดอะไรมากหรือเปล่า นายสุวัจน์ฯตอบว่า ตนไม่ทราบเรื่องข่าวลือ หรือข่าวอะไรตนไม่ทราบ แต่ตนบอกว่าอะไรที่มันเกิดแล้วอยู่ในกรอบ อยู่ในกรอบของการเลือกตั้ง อยู่ในกรอบของประชาธิปไตยตนว่าเราต้องมีความสบายใจกับสิ่งนั้น และใช้สิ่งนั้นให้เป็นประโยชน์ เอาวิกฤติมาเป็นโอกาส ส่วนพรรคชาติพัฒนาเลือกตั้งก็ต้องเอาจริง และหัวหน้าพรรคฯ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ก็เปนส่วนหนึ่งของรัฐบาล อย่างตอนนี้ประชุมเรื่องงบประมาณเราก็เป็นห่วงเรื่ององค์ประชุม เพราะงบประมาณก้อนนี้ 3.7 ล้านล้านบาทเป็นสภาพคล่อง มันจะเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เป็นโครการที่จะลงไปถึงมือพี่น้องประชาชน มันจะกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้อะไรๆที่จะจมน้ำลอยขึ้นมาได้เลย ฉะนั้นงบประมาณนี้สำคัญก็เป็นห่วงเรื่ององค์ประชุม อย่างพรรคาติพัฒนาเรามีอยู่ 3 เสียง ส.ส.เราไม่เคยขาดประชุมเลย ครบตลาดกาล อย่างนี้อำรที่เราทำให้ได้เราก็ทำเต็มที่ ไม่เป็นอุปสรรค
 

ต่อข้อถามถึงพรรคชาติพัฒนา คุณสุวัจน์ฯเองมีความสนิทกับ ดร.ทักษิณฯมาก มองว่าสนามเลือกตั้งครั้งหน้านี้น่าจะไปอยู่ด้วยหรือเปล่า นายสุวัจน์ฯตอบว่า ตนว่าตอนนี้เราก็ทำหน้าที่ของพรรคการเมือง ทำหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาลให้ดีที่สุด อย่างที่ตนบอกอะไรจะเกิดก็ไม่ต้องไปกังวลใจ ขอให้เป็นการเลือกตั้ง เป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยก็ต้องทำอะไรที่ดีที่สุดให้กับประเทศ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ต่อข้อถามว่าฟันธงได้เลยมั๊ยว่า งบประมาณผ่านแน่นอนนั้น นายสุวัจน์ฯตอบว่า มันคือตามฟอร์มมันต้องผ่านน่ะ แล้วตนก็ยังคิดว่าฝ่ายค้านเขาอ่าจจะติติง แต่ในลึกๆฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ตนคิดว่าเราก็เห็นตรงกันว่าเม็ดเงิน 3.7 ล้านล้านผ่าน มันจะสร้างความโล่งในวิกฤติเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง ต่างชาติก็ยังมั่นใจในระดับหนึ่ง โครงการต่างๆที่เกิดขึ้นก็จะถึงมือประชาชน การกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะเกิดขึ้น ฉะนั้นตนเชื่อว่าลึกๆทุกคนก็อยากเห็นงบประมาณผ่าน แต่ว่า ok กลไกในสภาก็ว่ากัน ให้ความคิดเห็นกันได้ แต่ว่าเป็นหลักประกันรัฐบาล ก็คือรัฐบาลต้องรักษาเสียงให้เกิดครึ่งหนึ่ง ซึ่งเราก็เกินอยู่เล็กน้อยตอนนี้ ฉะนั้นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้ เรื่ององค์ประชุมอะไรต่างๆ แต่ตนเชื่อว่าในความรู้สึกนึกคิดของ ส.ส.ทั้งสภา ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็จะรู้สึกเหมือนกันว่า การผ่านงบประมาณ กฎหมายงบประมาณ 3.7 ล้านล้านจะเป็นส่วนในการคลี่คลายสถานการณ์วิกฤติเศษฐกิจของประเทศ นายสุวัจน์ฯกล่าว.

หน้าแรก » ภูมิภาค