วันที่ 20 ส.ค.68 ที่หอประชุมโรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ดร.ภาวนา ว่องอมรนิธิ สมาชิกวุฒิสภา (กรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬาวุฒิสภา) เป็นประธานในงานแถลงข่าว การแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คน รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี “ส.บ.ม.ท.คัพ” จังหวัดราชบุรี ครั้งที่ 1 โดยมีคณะผู้บริหาร ครู นักเรียน และนักกีฬาฟุตบอล จาก 13 โรงเรียน ร่วมงานแถลงข่าวกันอย่างคึกคัก

ดร.เกศสุดา เนรมิตธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง เปิดเผยว่า ทางสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) ได้ผนึกกำลังพันธมิตร จัดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คน U17 “ส.บ.ม.ท.คัพ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 ขึ้นมาทั้ง 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ เริ่มการแข่งขันในช่วงเดือนสิงหาคม เป็นต้นไป เพื่อหาทีมชนะเลิศ 16 ทีมสุดท้าย ผ่านเข้ารอบประเทศไทย เพื่อทำการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ที่สนามฟุตบอลโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ในพระราชูปถัมภ์ ในเดือนตุลาคม นี้

ดร.เกศสุดา กล่าวต่อไปว่า การแข่งขันคัดเลือกตัวแทนจังหวัดราชบุรี ครั้งนี้ โรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง รับเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขัน โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 - 23 สิงหาคม นี้ รวม 2 วัน ที่สนามฟุตบอลโรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง อ.บ้านโป่ง เพื่อหาทีมชนะเลิศทีมเดียว เป็นตัวแทนจังหวัดราชบุรี เข้าไปแข่งขันในระดับภาคต่อไป ในเดือนกันยายน ที่จะถึงนี้ ซึ่งมีทีมฟุตบอลโรงเรียนจากหลายสถาบันการศึกษาทั่วจังหวัดราชบุรี 13 ทีม เข้าร่วมแข่งขัน ประกอบด้วย 1.โรงเรียนโพธาวัฒนาเสนี 2.โรงเรียนคุรุราษฎร์รังสฤษฏ์ 3.โรงเรียนสวนผึ้งวิทยา 4.โรงเรียนกรับใหญ่ว่องกุศลกิจพิทยาคม 5.โรงเรียนบางแพวิทยา 6.โรงเรียนรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ 7.โรงเรียนปากท่อวิทยา 8.โรงเรียนบรมราชินีนาถราชวิทยาลัย 9.โรงเรียนด่านทับตะโกราษฎร์อุปถัมภ์ 10.โรงเรียนหนองโพวิทยา 11.โรงเรียนท่ามะขามวิทยา 12.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ราชบุรี และ 13.โรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง สำหรับการแข่งขัน จะใช้กติกาแบบน็อคเอาท์ (Knockout tournament) ทีมที่แพ้จะถูกคัดออก ส่วนทีมที่ชนะจะผ่านเข้าไปแข่งขันกับทีมที่ชนะต่อไป และการแข่งขันจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเหลือทีมเดียวที่ชนะเลิศ จะได้รับเงินรางวัลและถ้วยรางวัลจาก ดร.ภาวนา ว่องอมรนิธิ สมาชิกวุฒิสภา และจะได้เป็นตัวแทนจังหวัดราชบุรี 

ทางด้าน ดร.ภาวนา ว่องอมรนิธิ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า การจัดแข่งขันฟุตบอล“ส.บ.ม.ท.คัพ”ครั้งนี้ นอกจากจะส่งเสริมเยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะแล้ว ยังจะช่วยผลักดันและต่อยอดให้เยาวชนได้แสดงความสามารถด้านการเล่นฟุตบอล อีกทั้งโครงการนี้ยังสะท้อนถึงความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการพัฒนาเยาวชน ให้เป็นกำลังสำคัญในด้านกีฬาของประเทศต่อไปในอนาคต