วันที่ 30 ส.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี จ.ส.อ.(พิเศษ) ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย สังกัด ร.13 พัน 3 เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 ที่ผ่านมา เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจแก่ประชาชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะชาว จ.อุดรธานี ที่จ่าจุ้ยสังกัดอยู่ทหารค่าย ร.13 พัน 3  ต่างออกมาเชิดชูเกียรติและแสดงความไว้อาลัยต่อความเสียสละของ “วีรบุรุษทหารกล้า” ที่พลีชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย

ล่าสุดเฮียเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในเมืองอุดร ชื่อร้าน “ข้าวคั่วหัวหอม” ใจดี และเพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกำลังใจแก่ครอบครัวของผู้กล้า ได้แสดงน้ำใจเข้ามาขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารแก่ครอบครัวจ่าจุ้ย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (29 ส.ค.68) ซึ่งตรงกับวันครบรอบวันเกิด 9 ขวบของ ด.ช.จิระภัทร สีจุ้ยจ้าย หรือ “น้องภูผา” ลูกชายคนเล็กของจ่าสิบเอกพิเศษธีระยุทธ ทางร้านได้อาสาเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงอาหารและงานวันเกิดให้เต็มรูปแบบ ทุกคนร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้น้องภูผาเสียงดังลั่นร้านอาหารเลยทีเดียวย

บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างอบอุ่นและซาบซึ้ง มีญาติพี่น้องกว่า 20 คน ทั้งปู่ ย่า ตา ยาย และญาติจากต่างจังหวัดเดินทางมาร่วมงานกันพร้อมหน้า ทางร้านได้จัดทำเค้กวันเกิดพิเศษเป็นรูป “ทหารกล้า” เพื่อเป็นสัญลักษณ์เชิดชูเกียรติแด่ผู้เสียสละ ขณะเดียวกัน น้องภูผายังได้เล่าความใฝ่ฝันว่า โตขึ้นอยากเป็นทหารเหมือนคุณพ่อ สร้างความประทับใจและเรียกรอยยิ้มให้กับผู้ที่มาร่วมงาน

นายเชี่ยวชาญ ศักดิ์ปฎิมากรณ์ หรือ “เฮียเชี่ยว” เจ้าของร้านอาหารข้าวคั่วหัวหอม เปิดเผยด้วยน้ำเสียงตื้นตันว่า หลังจากได้ดูคลิปเห็นข่าวของลูกสาว “จ่าจุ้ย” ที่พูดว่า “ปะป๊าไม่กลับมาแล้ว” คำพูดสั้น ๆ แต่สะเทือนใจ ทำให้ตนเกิดแนวคิดอยากมอบกำลังใจแก่ครอบครัววีรบุรุษผู้เสียสละ เพื่อช่วยพวกเขาก้าวผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากที่สูญเสียคุณพ่อไป ส่วนตัวผมเปิดร้านอาหารอยู่แล้ว จึงอยากเลี้ยงอาหารครอบครัวเขา ไม่ใช่แค่เพื่อปลอบโยน แต่ถือเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับครอบครัวทหารกล้าเข้ามาในร้าน สำหรับเมนูอาหารได้เตรียมไว้หลายอย่าง ทั้งย่างนมหมู เสือร้องไห้ ลาบ และอาหารจานเด็ดต่าง ๆ ของทางร้าน พร้อมทั้งยังจัดเตรียมเค้กวันเกิดเพื่อเซอร์ไพรส์ “น้องภูผา” ลูกชายของจ่าจุ้ยอีกด้วย

นอกจากนี้ เจ้าของร้านยังประกาศมอบสิทธิ์ให้ครอบครัวสามารถมารับประทานอาหารที่ร้านได้ฟรีทุกวัน ไม่จำกัดวันและเวลา “เรื่องเล็กน้อยสำหรับผม แต่สำหรับเด็กน้อยสองคนที่ต้องเผชิญการสูญเสียครั้งใหญ่ มันคือสิ่งที่อยากทำเพื่อให้เขารู้ว่ายังมีคนคอยอยู่เคียงข้าง” เฮียเชี่ยวกล่าวตอนท้าย