วันที่ 4 กันยายน 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี นายกมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย และเชิญสิ่งของพระราชทานสำหรับเด็ก ณ จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีนายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการร่วมให้การต้อนรับ 
 
องคมนตรี และคณะประกอบด้วย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พื้นที่ภาคเหนือ เดินทางโดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ ไปยังท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมประชุมเพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ณ ห้องประชุมขุนลุมประพาส ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน

จากนั้นเดินทางไปยัง สนามกีฬากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ในการเชิญสิ่งของพระราชทาน จากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวนรวม 1,262 ชุด เพื่อมอบให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 1,000 ชุด และมอบให้แก่ เด็กแรกเกิดถึง 2 ขวบ จำนวน 262 ชุด มอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และประชาชนที่ประสบอุทกภัยราษฎรในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้ารับมอบสิ่งของพระราชทาน จำนวน 220 คน พร้อมทั้งลงพื้นที่มอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนในพื้นที่บ้านผาบ่อง ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 5 ชุด ซึ่งพสกนิกรชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ต่างรู้สึกสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกร ที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยในครั้งนี้

สำหรับพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้เกิดสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ 6 อำเภอจากสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ส่งผลให้น้ำแม่สะมาด และน้ำแม่จ๋าเอ่อล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนของราษฎร พื้นที่การเกษตร และ สิ่งสาธารณประโยชน์ ใน 27 ตำบล 110 หมู่บ้าน 7,231 ครัวเรือน 16,888 คน บ้านเรือนเสียหาย 176 หลัง เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 1 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ และสูญหาย 1 ราย