อำเภอบ้านกรวด/ชาวบ้านตามแนวชายแดน ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นเป็นสองอย่าง ระหว่างเปิดหรือไม่เปิดชายแดนดี หลังมี สส.พรรคประชาชน เสนอให้มีการเปิดด่านชายแดน  ชาวบ้านยังแค้น ฮุนเซนไม่หายทำให้ลำบาก ไม่มีรายได้จากการทำเกษตร
 
วันที่ 10 ก.ย.68 กรณีนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน โพสต์ X ปมเสนอผ่อนปรนเปิดด่านชายแดน หลังกรรมาธิการลงพื้นที่ ลงพื้นที่ตลาดโรงเกลือ อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ว่าประเทศไทยไม่ได้เสียดินแดนเลย

 ควรจะมีการปิดด่านการค้าทั้งหมดซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับ ‘ปัญหาการรุกล้ำเขตแดน" ที่หลายคนเชื่อว่าจะกดดันกัมพูชาได้ ความจริงมันสร้างความเสียหายกับเรามากกว่าที่กัมพูชาเสียหายหลายเท่า เพราะไทยส่งออกไป 1.4 แสนล้าน แต่นำเข้าจากกัมพูชาแค่ 3 หมื่นล้าน เคยมีการคำนวณว่าความเสียหายต่อวันสูงถึง 800 ล้านบาท แล้วยิ่งเวลาล่วงเลยก็ยิ่งเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนี่เป็นเรื่องปากท้องของประชาชนจริงๆ ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

 
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนด้าน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีจุดผ่อนปรนช่อง”สายตะกู”ขึ้นกับตำบลจันทบเพชร (จัน-ทบ-เพ็ด) อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นมีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยที่จะมีการปิด หรือเปิดด่าน

 
นายแทนทอง นาคประโคน อายุ 49 ปี ชาวบ้าน อ.บ้านกรวด เล่าว่าส่วนตัวมองว่าปิดด่านถาวรยิ่งดีในจุดผ่อนปรน เพราะไม่มีอะไรมาก มีเพียงคนไทยไปเล่นการพนันที่บ่อนฝั่งกัมพูชาเท่านั้น นอกจากนั้นไม่มีอะไรเลย แต่ถ้าจะเปิดก็ขอให้เปิดจุดใหญ่ๆเช่นสุรินทร์ หรือสระแก้วได้ จุดเล็กๆให้ปิดถาวรได้ยิ่งดี
 
ขณะที่นางบังอร ศรีทองสุข อายุ 43 ปี ชาว อ.บ้านกรวด กล่าวว่าตอนนี้พวกตนได้รับผลกระทบอย่างหนัก เข้าไปกรีดยางไม่ได้เพราะทางการห้ามเข้าไปจุดล่อแหลม ทั้งที่เป็นผืนแผ่นดินไทย ไม่ได้เข้าไร่ยางมานานกว่า 2 เดือนไม่มีรายได้จากการกรีดยาง จนไม่มีเงินใช้จ่ายในครัวเรือน

 ส่วนตัวไม่อยากให้เปิดปิดตายได้ยิ่งดี คนไทยมีแต่ไปเล่นการพนัน แต่จุดนี้ยอมรับว่าเขมรฝั่งนี้ไม่ค่อยดื้อเท่ากับฝั่งบ้านหนองจาน สระแก้ว ส่วนหนึ่งก็มองว่าถ้าเปิดชาวบ้านก็จะมีรายได้เสริมบ้างจากการขับรถรับจ้าง กลุ่มค้าขายก็จะได้กลับมาค้าขายเหมือนเดิม ทั้งหมดเกิดจากผู้นำของเขมรไม่ใช่ชาวบ้านกัมพูชา