วันศุกร์ ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2568 02:05 น.

ภูมิภาค

ตำรวจท่องเที่ยวเตรียมเปิดจุดบริการวัดโสธร กำราบเหลือบสร้างความเดือดร้อนรำคาญหน้าวัด

วันอังคาร ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2568, 15.45 น.

วันที่ 23 ก.ย.68 เวลา 11.00 น. พ.ต.ท.ต่อลาภ ตินะมาตร สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจท่องเที่ยว 4 (พัทยา) กก.2 บก.ทท.1 ซึ่งดูแลรับผิดชอบพื้นที่ จ.ชลบุรี และ จ.ฉะเชิงเทรา ได้กล่าวเปิดเผยว่า ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา เดิมนั้นมีชุดปฏิบัติการที่ พัทยา เกาะล้าน และบางแสน ในปีนี้ได้มาเปิดชุดปฏิบัติการอีก 1 แห่งที่ จ.ฉะเชิงเทรา บริเวณหน้าวัดโสธรวรามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของ จ.ฉะเชิงเทรา

โดยมีภารกิจในการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทั่วทั้ง จ.ฉะเชิงเทรา ที่จะเน้นในด้านวิธีการมากกว่าการใช้กำลังคน แม้จะมาตั้งจุดอยู่ที่บริเวณพื้นที่นี้ก็จริง แต่จะรับผิดชอบไปในทุกอำเภอทุกแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดนี้ ดังนั้นทีมงานที่มาอยู่ที่นี่จะสร้างเครือข่ายภาคประชาชนและมวลชน และจะทำงานร่วมกับตำรวจท้องที่ในทุกโรงพัก (สภ.) เช่น สถานที่ท่องเที่ยวบริเวณวัดสมานรัตนาราม พระพิฆเนศ (องค์ยืน) ที่ อ.คลองเขื่อน หรือตลาดคลองสวน 100 ปี

ซึ่งจุดต่างๆทั้งหมด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะเข้าไปดูแล บริหารจัดการด้านความปลอดภัยโดยทำงานร่วมกันกับ ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ซึ่งจะเป็นงานเฉพาะด้านการท่องเที่ยว จึงมีเวลาที่จะเข้าไปดูให้ได้ลึกถึงสาเหตุและแก้ปัญหาในแต่ละเรื่องอย่างลึกซึ้งกว่าทาง จนท.ตำรวจภูธรในพื้นที่ และเชื่อว่าจะสามารถส่งเสริมกการท่องเที่ยวของ จ.ฉะเชิงเทรา ให้ได้รับความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ทั้งชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน และการฉ้อโกงเอารัดเอาเปรียบ ที่จะต้องลดน้อยลงหลังจากที่ ตร.ท่องเที่ยวได้เข้ามาอยู่ที่นี่

โดยมาตรการเร่งด่วนนั้น เมื่อได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่แล้ว จะเริ่มจากการร่วมกันจัดระเบียบในเรื่องของการค้าขาย การจอดรถที่บริเวณหน้าวัดโสธร ซึ่งถือเป็นความปลอดภัยในเบื้องต้นและลดการฉ้อโกง ลดการรบกวน ลดการสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ลดด้านอาชญากรรม เช่น การลักเล็กขโมยน้อย ซึ่งที่ผ่านมานั้นถือว่าดีขึ้นมากแล้ว หลังจากที่ทางวัดได้มีการปรับภูมิทัศน์ใหม่ ซึ่งเป็นการดำเนินการเบื้องต้นที่ทำในเรื่องเหล่านี้

ส่วนเรื่องต่อมานั้น คือ เรื่องวงจรการท่องเที่ยวของทั้ง จ.ฉะเชิงเทรา ประกอบด้วยการเดินทาง สถานที่พัก สินค้าและบริการ รวมถึงตัวสถานที่ท่องเที่ยว ในส่วนของการเดินทางนั้นจะทำเครือข่ายร่วมกับการเดินทางสาธารณะของทั้งจังหวัด ทั้งท่ารถและรถรับจ้าง กลุ่มบริษัทรถให้เช่าและรถรับเหมาที่จะเข้าไปทำความรู้จักและทำความเข้าใจในเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว ส่วนของสถานที่พักนั้นจะเริ่มเข้าไปทำความรู้จักกับโรงแรมและที่พักให้เป็นเครือข่ายสำคัญในการร่วมมือกัน ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว

เมื่อมีเหตุอะไรเกิดขึ้นให้สามารถเรียกใช้บริการตำรวจท่องเที่ยวได้ ตัวอย่างเรื่องสินค้าและบริการ เช่น เรื่องของการขายของปลอม การขายของเกินราคา ของด้อยคุณภาพ หรือการสร้างความเดือดร้อนรำคาญในเรื่องของการเชียร์ของจนเสียบรรยากาศการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะต้องค่อยๆ เริ่มเข้าไปทำ เพื่อให้เกิดความเข้าใจต่อผู้ประกอบการ โดยใช้กฎหมายในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายเข้าไปเป็นเครื่องมือในการทำงานร่วมกันด้วย หรือมีการบังคับใช้กฎหมายในบางส่วน

ซึ่งจุดปฏิบัติการตำรวจท่องเที่ยวที่บริเวณด้านหน้าวัดโสธรแห่งนี้ ได้เริ่มเปิดทำการมาแล้วประมาณ 10 วัน โดยมี จนท.มาประจำการแล้วจำนวน 3 นาย และจะเริ่มมีการประชาสัมพันธ์สายด่วนและหมายเลขโทรศัพท์รวมถึงแอปพลิเคชันของตำรวจท่องเที่ยว เพื่อให้ชาว จ.ฉะเชิงเทรา ได้ทราบ รวมถึงจะมีการติดหมายเลขโทรศัพท์ของ จนท.ตำรวจที่มาเข้าเวรในแต่ละวัน เอาไว้ที่บริเวณด้านหน้าจุดบริการด้วย

หาก จนท.ออกไปปฏิบัติงานตรวจจุดแก้ไขปัญหาระงับเหตุ หรือพบปะมวลชนภายนอก จะสามารถติดต่อกันได้ตลอด 24 ชม. โดยคาดว่าจะมีการเปิดจุดบริการแห่งนี้อย่างเป็นทางการ ตามที่คาดหมายไว้นั้น คือ ในช่วงของการจัดงานนมัสการหลวงพ่อโสธรหรืองานประจำปีของ จ.ฉะเชิงเทรา ในช่วงกลางเดือน 12 (ต.ค.-พ.ย.) 2568 นี้ พ.ต.ท.ต่อลาภ กล่าว

ด้าน นางปวีณวรรณ นิลกำแหง ผอ.สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า การที่มีหน่วยงานตำรวจท่องเที่ยวเข้ามาช่วยดูแลในเรื่องของความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว จะสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวได้มากขึ้น รวมถึง ปชช.ที่สัญจรผ่านสามารถโทรศัพท์ประสานขอความช่วยเหลือได้ ที่หมายเลข 1155 ตำรวจท่องเที่ยว ที่จะสามารถช่วยเหลือได้ในทุกกรณีเกี่ยวกับการท่องเที่ยว

ส่วนปัญหาการสร้างความเดือดร้อนรำคาญ เช่น การเรียกโบกรถไปจอดที่บริเวณหน้าวัดโสธรนั้น เป็นปัญหาที่จะต้องช่วยกันในหลายๆ หน่วยงานในพื้นที่ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาในบริเวณจุดนี้ และการที่มีตำรวจท่องเที่ยวเข้ามานั้น ก็ถือเป็นอีกองค์กรหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหาตรงนี้ด้วย โดยจะต้องมีการบูรณาการร่วมกันทั้งตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา รวมถึงนโยบายของทางจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราด้วย ซึ่งคิดว่าปัญหาน่าจะลดน้อยลง นางปวีณวรรณ กล่าว

หน้าแรก » ภูมิภาค