ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดเลยเร่งดำเนินการพร่องน้ำอ่างเก็บน้ำน้ำเลยให้เหลือประมาณที่พอเหมาะ เพื่อเตรียมรับมือกับพายุ “รากาซา” ที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าจะส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดเลย
                
นายชัยพจน์ จรูญพงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานชลประทานเลยและปภ.เลย  ได้ดำเนินการเดินเครื่องสูบน้ำระบบไฮโดรโฟลด์ 6 เครื่อง แบ่งเป็นขนาด 24 นิ้ว 2 เครื่อง (อัตราสูบ 3.0 ลบ.ม./วินาที) และขนาด 42 นิ้ว 4 เครื่อง (อัตราสูบ 7.5 ลบ.ม./วินาที) โดยสูบน้ำวันละ 20 ชั่วโมง (สูบ 10 ชม. พัก 1 ชม.) เพิ่มการระบายได้ 936,000 ลบ.ม./วัน เมื่อระดับน้ำลดต่ำกว่าสปิลเวย์ จะติดตั้ง “กาลักน้ำ” ท่อ PE ขนาด 4 นิ้ว 139 แถว ช่วยระบายเพิ่มอีก 1,028,600 ลบ.ม./วัน ซึ่งปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำน้ำเลยมีศักยภาพการระบายรวมสูงถึง 4,402,600 ลบ.ม./วัน แบ่งเป็นการระบายน้ำตามธรรมชาติ: 2,438,000 ลบ.ม./วัน จากเครื่องสูบ: 936,000 ลบ.ม./วัน และจากกาลักน้ำ: 1,028,600 ลบ.ม./วัน และมีการประสานงานกับ อำเภอวังสะพุง อำเภอเมืองเลย เทศบาลเมืองเลย และอำเภอเชียงคาน ในเรื่องการจัดการน้ำเลย อย่างเป็นระบบ ซึ่งคาดว่าจะสามารถบริหารน้ำให้อยู่ในวงจำกัดและไม่ให้เกิดปัญหาน้ำเลย เอ่อล่นเข้าเขตพื้นที่ชุมชนต่างๆ ได้ 
                
ด้านนายธีรภัทร สามไพบูลย์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเลย กล่าวว่า ตอนนี้ทางชลประทานเลย มีเป้าหมายป้องกันน้ำล้นอ่างและลดความเสี่ยงต่อพื้นที่ท้ายน้ำ โดยจะประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง หากมีผลกระทบต่อชุมชน หรือเมื่อฝนหนักหรือฝนทิ้งช่วง ทางเราจะปรับแผนการระบายน้ำทันทีและฝากไปยังประชาชนในพื้นที่ท้ายน้ำขอให้ติดตามประกาศจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมรับมืออย่างเหมาะสม.