ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ เป็นสมาชิกกลุ่มธนาคารหมู่บ้านประมาณ 50 ราย ได้รับความเดือดร้อนและเสียหายเฉียด 1 ล้านบาท หลังจากขอถอนเงินแต่กลับถูกปฏิเสธ โดยประธานกลุ่มธนาคารหมู่บ้านอ้างว่าสมาชิกที่กู้ไปแล้วไม่ส่งคืน จึงไม่มีเงินคืนแก่สมาชิก หลายรายฝากเงินเก็บสะสมไว้ยามจำเป็นมาหลายปีและไม่เคยถอน แต่พอจะถอนกลับบอกไม่มีเงิน สุดช้ำใจ ทั้งที่เป็นเงินของตัวเองแต่คนอื่นเอาไปใช้อย่างสุขสบาย

ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส.นิตยา หรือปังปอน อายุ 33 ปี ชาวชุมพร พร้อมด้วย นางยุพิน อายุ 65 ปี ชาวชุมพร และเพื่อนบ้านกลุ่มธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริบ้านหนองส้ม โดยนำเอกสารบันทึกประจำวันของ สภ.เมืองชุมพร สมุดบัญชีธนาคารหมู่บ้าน และรายชื่อบางส่วนของสมาชิกกลุ่มที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีมูลค่าเฉียด 1 ล้านบาท

น.ส.นิตยา เล่าว่า ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริบ้านหนองส้ม เปิดทำการตั้งแต่ปี 2544 ตนเริ่มฝากเงินตั้งแต่ปี 2549 เพื่อออมไว้ใช้ในอนาคต จนกระทั่งเมื่อต้นปี 2568 ครอบครัวมีปัญหาด้านสุขภาพ ต้องการถอนเงินไปรักษาแม่ที่แพทย์นัดผ่าตัดหัวเข่าทั้งสองข้าง จึงไปขอถอนเงิน แต่ประธานกลุ่มบอกว่าเงินที่ปล่อยกู้ยังไม่ได้รับคืน จึงไม่มีเงินให้ถอน

ทุกเดือนที่ไปขอถอนเงิน ได้รับคำตอบซ้ำ ๆ เหมือนกัน บางเดือนก็ได้เล็กน้อย จนรู้สึกเหมือนขอเงินตัวเองคืนยังยาก ทั้งที่ฝากเงินไว้รวมกว่า 57,000 บาท และสมาชิกอีกหลายสิบรายก็ติดปัญหาเช่นเดียวกัน ความเสียหายรวมเฉียด 1 ล้านบาท

ต่อมา สมาชิกได้รวมตัวกันเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองชุมพร ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่จนถึงปัจจุบัน 2-3 เดือนแล้วยังไม่มีความคืบหน้า เมื่อติดต่อกลับไป ทางประธานธนาคารเสนอว่าจะทยอยคืนเพียงเดือนละ 1,000 บาท แต่ก็ให้บ้างไม่ให้บ้าง จนไม่สามารถตกลงกันได้

นางยุพิน เล่าว่า ตนฝากเงินมากว่า 10 ปี ถอนเพียงครั้งเดียว ต่อมาเมื่อ 2 ปีก่อนต้องการปิดบัญชีและถอนเงิน 171,000 บาท แต่ถูกปฏิเสธ โดยให้ถอนทีละ 1,000 บาท ซึ่งไม่เพียงพอ จึงไม่ได้ถอน และยังรอคอยความคืบหน้าจนถึงปัจจุบัน

ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อประธานธนาคารหมู่บ้านบ้านหนองส้ม เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง และได้นัดหมายชี้แจง แต่เมื่อถึงเวลาประธานกลับไม่มาตามนัดและไม่รับโทรศัพท์ ขณะที่ น.ส.นิตยา และสมาชิกรายอื่นต้องนั่งรอเก้ออยู่หน้าที่ทำการธนาคาร