วันที่ 2 ตุลาคม 2568 มวลน้ำจากภาคเหนือยังคงไหลสมทบเขื่อนเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง กรมชลประทานรายงานว่า เวลา 08.00 น. มีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานี C.2 นครสวรรค์ 2,730 ลบ.ม./วินาที ระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยาที่ 2,300 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.33 ม.รทก. และท้ายเขื่อน 15.47 ม.รทก. เหลือห่างจากตลิ่งเพียง 87 ซม.

นายวัชระ ไกรสัย ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากฝนตกหนักและน้ำสะสมตอนบน ทำให้กรมชลประทานจำเป็นต้องชะลอน้ำเหนือเขื่อนไว้ชั่วคราว ระดับน้ำเหนือเขื่อนอาจยกตัวสูงขึ้นอีกประมาณ 90 ซม. แต่จะไม่เกิน +17.00 ม.รทก. พร้อมทยอยเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนตั้งแต่เวลา 10.00–16.00 น. จาก 2,300 ลบ.ม./วินาที เป็น 2,400 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนสูงขึ้นอีก 10–30 ซม.

ด้านพื้นที่ลุ่มต่ำ ต.หาดอาษา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เทศบาล ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่ทหารจากกองบิน 4 ตาคลี อส. และประชาชน ได้เร่งกรอกกระสอบทรายทำแนวกั้นน้ำ หลังมีการปรับเพิ่มการระบายน้ำ โดยบางชุมชนที่ติดลำน้ำได้รับผลกระทบแล้ว โดยเฉพาะ ม.3 ต.หาดอาษา ระดับน้ำสูงแตะกำแพงกระสอบทรายกว่า 1.20 เมตร คาดว่ายังพอรับมือได้ หากการระบายไม่เกิน 2,500 ลบ.ม./วินาที

นางชัณณ์ญาช์ สุภาวิตา นายกเทศมนตรีตำบลหาดอาษา ยืนยันว่าทางเทศบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเสริมกำแพงกระสอบทรายต่อเนื่อง พร้อมขอให้ประชาชนเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอิทธิพลพายุ “บัวลอย” ยังอาจทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นได้

กรมชลประทานเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และแม่น้ำท่าจีน ติดตามสถานการณ์น้ำจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือ หากคันดินหรือแนวกระสอบทรายไม่สามารถรองรับมวลน้ำได้