วันอังคาร ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2568 03:02 น.

ภูมิภาค

กระแสชายแดนเดือด! จุดประกายฟื้นฟู “ปราสาทโบราณอีสาน” ที่ถูกลืม

วันเสาร์ ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 18.48 น.

บุรีรัมย์ – เหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา จากกรณีอ้างสิทธิ์ปราสาทชายแดน กลายเป็นกระแสปลุกความสนใจให้ผู้คนพูดถึง “ปราสาทโบราณ” หลายแห่งในภาคอีสานที่ถูกลืมและยังไม่ได้รับการบูรณะ

วันที่ 11 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 24–28 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งต้นเหตุมาจากฝ่ายกัมพูชาอ้างสิทธิ์ครอบครอง “ปราสาทตาเมือนธม” และ “ปราสาทตาควาย” พร้อมปลุกกระแสยั่วยุในพื้นที่ชายแดน ส่งผลให้คนไทยหันมาสนใจโบราณสถานอื่นๆ ที่อยู่ในเขตไทยมากขึ้น

 

 

หนึ่งในนั้นคือ “ปราสาทไบแบก” โบราณสถานศิลปะขอมในพื้นที่หมู่ 3 บ้านสายโท 5 ใต้ ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งอยู่ห่างจากด่านพรมแดนผ่อนปรนช่องสายตะกูเพียง 5 กิโลเมตร และห่างจากแนวชายแดนไทย–กัมพูชาเพียง 1.2 กิโลเมตร

พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ใช้บัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัวเผยแพร่ภาพปราสาทไบแบก พร้อมข้อความว่า “ปราสาทไบแบก ปราสาทที่ถูกลืมบนแผ่นดินของเรา ตัวปราสาทค่อนข้างสมบูรณ์ หากบูรณะเพิ่มเติมจะเป็นโบราณสถานสำคัญ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนหลั่งไหลมาเยี่ยมเยือนด้วยความหวงแหนแผ่นดินไทย ก่อนที่คนไม่หวังดีจะมาเคลม”โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจและมีประชาชนเข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

 

 

หลังเกิดกระแสออนไลน์ มีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวในพื้นที่เริ่มเดินทางไปชมปราสาทไบแบกมากขึ้น หลายคนยอมรับว่า “ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีปราสาทอยู่ใกล้บ้าน” เช่นเดียวกับนางสมพาน หนองบัว อายุ 52 ปี ชาวตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด กล่าวว่า “อยู่มานานกว่า 50 ปี ห่างจากปราสาทไม่ถึง 5 กิโลเมตร แต่เพิ่งรู้ว่ามีอยู่จริง หลังเห็นข่าวเลยพาครอบครัวมาชม ถึงยังไม่ได้บูรณะก็ดูสวยงามตามธรรมชาติ อยากให้อนุรักษ์และพัฒนาให้สมบูรณ์เหมือนปราสาทอื่นๆ”

 

 

ข้อมูลจากสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ระบุว่า “ปราสาทไบแบก” เป็นปราสาทบริวารของ “ปราสาทพนมรุ้ง” อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ สร้างด้วยอิฐไม่สอปูน จำนวน 3 องค์ ตั้งเรียงในแนวเหนือ–ใต้ บนฐานศิลาแลงเดียวกัน มีประตูด้านตะวันตกเพียงด้านเดียว ส่วนด้านอื่นเป็นประตูหลอก เสาประดับกรอบประตูหินทรายแปดเหลี่ยม

บริเวณรอบมีซุ้มประตูทางเข้าทางทิศตะวันตก กำแพงแก้วและองค์ประกอบต่างๆ อยู่ในสภาพทรุดโทรม กำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16–17 ซึ่งตรงกับช่วงรุ่งเรืองของอารยธรรมขอม

 

หน้าแรก » ภูมิภาค