(12 ต.ค.2568) สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงรุนแรง แม้จะมีการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงสูง ส่งผลให้ชุมชนเกาะพระ ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอบางปะอิน ซึ่งเป็นเกาะล้อมรอบด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา ถูกน้ำท่วมกว่า 200 หลังคาเรือน ต้องใช้เรือในการสัญจรเข้าออก สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง

พ.ต.อ.อดิเรก โปธิปัน ผกก.สภ.บางปะอิน จึงได้จัดตั้งโครงการ “โรงพักเคลื่อนที่ทางน้ำ” นำพนักงานสอบสวนออกให้บริการรับแจ้งความและลงบันทึกประจำวันถึงพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ไม่สามารถเดินทางมาที่สถานีตำรวจได้ เนื่องจากสถานีตำรวจอยู่ห่างไกล ต้องใช้เวลาเดินทางในการติดต่อราชการ

โครงการดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงต่อรอบ โดยประสานผ่านผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เพื่อรวบรวมรายชื่อผู้เดือดร้อน ก่อนส่งต่อให้พนักงานสอบสวนเดินทางเข้าพื้นที่ทางน้ำเพื่อรับเรื่องร้องทุกข์ถึงหน้าบ้าน

หนึ่งในผู้ได้รับบริการคือนางอนันต์ หรือ “ป้าอนันต์” ชาวบางปะอิน เปิดเผยว่า ปกติอาศัยอยู่กับลูกชาย บ้านถูกน้ำท่วมมานานกว่า 3 เดือน ทุกครั้งที่ต้องออกไปทำธุระ ลูกชายจะพายเรือพาไป แต่ระยะนี้ลูกต้องออกไปทำงาน จึงไม่สะดวกเดินทางไปแจ้งความ หลังสมุดบัญชีธนาคารสูญหาย ทำให้ไม่สามารถเปิดบัญชีใหม่ได้ และเกรงว่าเงินช่วยเหลือน้ำท่วม 9,000 บาท จะไม่เข้าบัญชี รู้สึกดีใจและขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารับแจ้งความถึงหน้าบ้าน

เช่นเดียวกับตาบุญลือ อายุ 77 ปี ชาวบ้านอีกคนหนึ่ง ที่สมุดบัญชีธนาคารออมสินหายเช่นกัน เป็นบัญชีที่ใช้เบิกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เมื่อไม่สามารถไปแจ้งความได้ ก็ไม่สามารถเบิกเงินได้ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้ามาช่วยรับแจ้งความให้ถึงบ้าน

ขณะเดียวกัน นางสังเวียน พิมพวัฒน์ อายุ 58 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่าบ้านตนถูกน้ำท่วม ไม่มีโจรขโมย แต่มีวัวควายของชาวบ้านใกล้เคียงเข้ามากินพืชผักผลไม้ที่ปลูกไว้จนเสียหาย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยพูดคุยกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงเพื่อป้องกันความเสียหายซ้ำเติม

พ.ต.อ.อดิเรก โปธิปัน ยืนยันว่า แม้การทำงานในสภาพน้ำท่วมจะลำบาก แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายพร้อมปฏิบัติหน้าที่ด้วยหัวใจ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่

สีสันการลงพื้นที่วันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องฝ่ากระแสน้ำแรงเข้าไปตามซอกซอย บางช่วงต้องหลบกิ่งไม้ บางครั้งถึงขั้นพายเรือชนต้นไม้กลางน้ำ แต่ทุกนายยังคงทำหน้าที่ด้วยรอยยิ้ม สะท้อนภาพ “ตำรวจน้ำใจงาม” ที่ไม่ทอดทิ้งประชาชนแม้ในยามวิกฤตน้ำท่วม