วันที่ 12 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำปัจจุบันที่สถานีวัดน้ำ C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านจุดวัดอยู่ที่ 2,656 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดลงต่อเนื่อง ส่วนที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.05 เมตร (รทก.) อัตราการระบายน้ำอยู่ที่ 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนทรงตัวอยู่ที่ 15.47 เมตร (รทก.) ห่างจากตลิ่งประมาณ 87 เซนติเมตร

แม้สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจะเริ่มคลี่คลายและระดับน้ำลดลงบ้าง แต่ยังมีน้ำท่วมขังหลายจุด เริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น ชาวบ้านกว่า 600 ครัวเรือนยังคงต้องอาศัยริมถนน เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือต่อเนื่อง ทั้งแจกถุงยังชีพ สูบน้ำออกจากพื้นที่ และแจกสารบำบัดน้ำเสียเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

ด้านนางจิตร์ธนา ยิ่งทวีลาภา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท พร้อมด้วยนางลัดดาวัลย์ ผาสุพันธ์ นายอำเภอสรรพยา และนายมนตรี คุ้มเขตร์ นายกเทศมนตรีตำบลโพนางดำออก ลงพื้นที่ตำบลโพนางดำออก เพื่อมอบถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมยืนยันว่าจะเร่งประสานทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

นางลัดดาวัลย์ ผาสุพันธ์ นายอำเภอสรรพยา เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังมีระดับสูงกว่าตลิ่ง ในพื้นที่ตำบลโพนางดำออกยังมีบางจุดที่น้ำไหลเข้ามาอยู่บ้าง โดยทั้งอำเภอสรรพยามีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 5 ตำบล 25 หมู่บ้าน รวม 1,927 ครัวเรือน ประชาชน 5,168 คน โดยเฉพาะในตำบลโพนางดำออกซึ่งมีผู้ประสบภัยกว่า 1,266 ครัวเรือน ต้องอพยพมาอาศัยอยู่ริมถนนคันคลองมหาราช แม้น้ำจะลดลงแล้วแต่ยังไม่มาก ขณะนี้เริ่มเกิดปัญหาน้ำเน่าเสียในจุดที่ท่วมขังและระบายออกไม่ได้ ส่งกลิ่นเหม็นทั่วบริเวณ

สำหรับแผนฟื้นฟูพื้นที่ เบื้องต้นนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ โดยทางอำเภอสรรพยาจะสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากงบที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบให้ ขณะที่เครื่องสูบน้ำได้รับการสนับสนุนจากสำนักงาน ปภ. จังหวัดชัยนาท กรมชลประทาน และภาคเอกชน คาดว่าจะสามารถสูบน้ำออกจากพื้นที่ได้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน