วันที่ 13 ตุลาคม 2568 เวลา 13.00 น. ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ และนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ นำคณะผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการสำคัญในภาคประมงและเกษตร ณ ตลาดปลาสหกรณ์ประมงแม่กลอง ตำบลแหลมใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม

การลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามและประเมินผล “โครงการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ” และ “โครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน” รวมถึงรับฟังปัญหาจากภาคประมงและเกษตรกรในพื้นที่ โดยมีประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมงานกว่า 700 คน ขณะที่นายชยชัย แสงอินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ได้นำหัวหน้าส่วนราชการร่วมให้การต้อนรับ

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ปลาหมอคางดำยังเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางน้ำและอาชีพประมงพื้นบ้าน แม้จะมีความคืบหน้าในการกำจัด แต่ยังไม่สามารถควบคุมได้ 100% จึงต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจัง พร้อมยืนยัน “จะทำสงครามกับปลาหมอคางดำให้สิ้นซาก”นอกจากการกำจัดและแปรรูปปลาหมอคางดำเพื่อจำหน่าย ยังมีแผนส่งเสริมการนำปลาหมอคางดำไปหมักเป็นแร่ธาตุและสารอาหารสำหรับพืช เพื่อช่วยเกษตรกรลดต้นทุนการผลิต เพิ่มช่องทางการตลาดผ่านสหกรณ์การเกษตร และส่งเสริมการปล่อยพันธุ์ปลานักล่าในแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อควบคุมการระบาด

ด้านนางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง ปฏิบัติหน้าที่แทนอธิบดีกรมประมง รายงานความคืบหน้าของโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบ ว่า ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 โดยมีจำนวนเรือที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 923 ลำ วงเงินรวมกว่า 1,622 ล้านบาท ปัจจุบันมีเรือที่ประสงค์ออกนอกระบบจำนวน 804 ลำ และไม่ประสงค์เข้าร่วมอีก 119 ลำ เบิกจ่ายเงินไปแล้ว 726 ลำ เป็นเงินกว่า 1,004 ล้านบาท ขณะที่ในจังหวัดสมุทรสงคราม มีเรือเข้าร่วม 14 ลำ ผ่านอนุมัติแล้ว 13 ลำ วงเงินรวม 42.2 ล้านบาท โครงการนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อลดจำนวนเรือประมงให้สอดคล้องกับปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเล เพื่อความยั่งยืน และเปิดโอกาสให้ชาวประมงเปลี่ยนไปทำกิจการอื่น ๆ ที่สร้างรายได้ทดแทน

ในส่วนของ “แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ พ.ศ. 2567–2570” มีความก้าวหน้าในหลายมาตรการสำคัญ อาทิ กำจัดปลาหมอคางดำสะสมได้กว่า 7.3 ล้านกิโลกรัมลดพื้นที่การระบาดเหลือ 17 จังหวัด จากเดิม 19 จังหวัดปล่อยปลานักล่ากว่า 1.13 ล้านตัว สนับสนุนภาคเอกชนผลิตปลาป่นกว่า 2 ล้านกิโลกรัม มูลค่ากว่า 34 ล้านบาท ทดลองเลี้ยงสายพันธุ์ปลาหมอคางดำ 4n เพื่อนำไปปล่อยคืนธรรมชาติ ดำเนินการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในปีงบประมาณ 2568 แล้วกว่า 75.7 ล้านตัว จากเป้าหมาย 78.8 ล้านตัว

ภายในงาน ตัวแทนภาคเกษตรกรและประมงได้เสนอปัญหาเพื่อให้รัฐเร่งแก้ไข เช่น นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและนายกสมาคมประมงสมุทรสงครามเรียกร้องให้จำกัดการนำเข้าสินค้าประมงจากต่างประเทศ พร้อมปราบปรามสินค้าประมงผิดกฎหมายที่แย่งพื้นที่ขายของประมงไทย นอกจากนี้ยังเสนอให้แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับเครื่องมือจับปลาหมอคางดำ ให้สามารถจับปลาทุกขนาดควบคู่กับการใช้กากชาและปล่อยปลานักล่า

นายชัยยันต์ เจียมศิริ ประธานกลุ่มเครือข่ายสภาเกษตรกรไม้ผลสมุทรสงคราม เสนอให้มีโครงการวิจัยปรับปรุงพันธุ์ไม้ผลในพื้นที่ โดยเฉพาะปัญหาลิ้นจี่ที่ไม่ติดผลในบางฤดูกาล ทั้งที่มีอัตราการออกดอกสูงถึง 90% พร้อมผลักดันการเปิดตลาดส่งออกใหม่ในยุโรป เพื่อดันราคาส้มโอและมะพร้าวน้ำหอมให้สูงขึ้น และลดการพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวปิดท้ายว่า รัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรและชาวประมง พร้อมเสนอให้จัดตั้ง “คณะกรรมการขับเคลื่อนสินค้าภาคการเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม” โดยมีตัวแทนเกษตรกรและประมงร่วมเป็นคณะกรรมการ เพื่อเสนอปัญหาโดยตรง และให้กระทรวงดำเนินการแก้ไขได้ตรงจุด“ไม่ว่าผมจะมีเวลาทำงานในตำแหน่ง รมต. เหลือเท่าไหร่ ผมจะทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรและชาวประมงอย่างถึงที่สุด” ร.อ.ธรรมนัส กล่าวย้ำอย่างหนักแน่น