วันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่เช้า มีประชาชนจำนวนมากจากหลายหมู่บ้านและตำบล ทั้งในอำเภอภูเขียวและอำเภอเกษตรสมบูรณ์ เดินทางมารอลงทะเบียนโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้สมาร์ทโฟน ต่างนำโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่มาให้เจ้าหน้าที่ธนาคารช่วยติดตั้งแอป “เป๋าตัง” และสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน

ตั้งแต่ธนาคารเปิดทำการช่วงเช้าจนถึงบ่าย ประชาชนยังทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง คิวรอยาวเหยียดล้นออกมาถึงด้านนอกธนาคาร หลายคนต้องนั่งรออยู่ตามบันไดและริมถนนหน้าธนาคาร บางส่วนปูเสื่อนั่งรอที่สนามกีฬาฝั่งตรงข้าม รอเจ้าหน้าที่เรียกหมายเลขคิวเพื่อเข้าดำเนินการลงทะเบียน หวังได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งจะเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2568 โดยผู้ที่ผ่านเกณฑ์จะได้รับวงเงินสนับสนุนสูงสุด 2,400 บาท และต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 เวลา 23.00 น.

ขณะเดียวกัน บริเวณหน้าธนาคารเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้ารถเข็นและรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ที่นำอาหารและเครื่องดื่มมาวางขายให้กับชาวบ้านที่มารอคิว อาทิ ลูกชิ้นนึ่ง ไส้กรอกหมูย่าง และน้ำดื่ม ทำให้บรรยากาศการค้าขายเป็นไปอย่างคึกคักกว่าทุกวัน แม่ค้าหลายรายเผยว่า “โครงการคนละครึ่งรอบนี้ขายดีตั้งแต่ยังไม่เริ่มใช้สิทธิ หวังว่าโครงการจะออกมาเร็ว ๆ และดำเนินต่อเนื่องไม่สะดุดเหมือนที่ผ่านมา”

ด้านชาวบ้านที่มารอลงทะเบียนเผยว่า ส่วนใหญ่ตั้งใจนำสิทธิที่ได้รับไปใช้ซื้อของจำเป็นภายในครัวเรือน เพื่อช่วยลดค่าครองชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่

ขณะที่นายวรศิษย์ พุฒจีบ นายอำเภอภูเขียว เดินทางมาตรวจเยี่ยมการลงทะเบียนที่ธนาคารกรุงไทยสาขาภูเขียว พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชน โดยระบุว่าทางธนาคารสามารถดำเนินการลงทะเบียนได้วันละประมาณ 300 ราย และทุกคนที่มีบัตรคิวจะได้รับการสแกนใบหน้าและลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการครบถ้วน

สำหรับโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” กระทรวงการคลังระบุว่า มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนช่วงปลายปี ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2568 ด้วยงบประมาณรวม 44,000 ล้านบาท โดยใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2569 และงบกลางเพิ่มเติม 19,000 ล้านบาท เริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2568 รวมระยะเวลา 2 เดือน