วันอาทิตย์ ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568 03:44 น.

ภูมิภาค

สาวอุบลฯ ทำข้าวเม่าขาย สร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน

วันเสาร์ ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 19.15 น.

นางเกตธิดา มั่นวงค์ อายุ 43 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของเกษตรกรที่สามารถสร้างรายได้จากการทำข้าวเม่าขายในช่วงเวลาว่างจากการทำนา โดยทำข้าวเม่าตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน ข้าวเม่าเป็นอาหารว่างที่มีรสชาติหอมหวานและอิ่มท้องได้นาน เหมาะกับการทานในช่วงเวลาที่ต้องการพลังงาน ชาวอีสานส่วนใหญ่จึงนิยมทานข้าวเม่า รวมถึงใช้ทำเพื่อเซ่นไหว้ผีตาแฮกในสมัยโบราณด้วย

 

 

นอกจากทำข้าวเม่าเพื่อบริโภคแล้ว ปัจจุบันยังมีการทำข้าวเม่าเพื่อขายเป็นอาชีพเสริมของชาวบ้าน ซึ่งในบางกลุ่มหรือครอบครัวสามารถสร้างรายได้จากการขายข้าวเม่าถึงหลักแสนบาทต่อเดือน ทำให้หลายครอบครัวสามารถปลดหนี้และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

นางเกตธิดาเล่าว่า ตนเองและสามีทำข้าวเม่าขายมานานกว่า 20 ปี โดยเริ่มจากการเห็นคนอื่นทำแล้วมีรายได้ดี จึงชวนสามีมาลองทำดูบ้างในช่วงที่ว่างจากการทำนา ซึ่งข้าวที่นำมาทำข้าวเม่านั้นจะซื้อมาจากหมู่บ้านริมแม่น้ำมูลที่อำเภอดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี เนื่องจากที่นั่นปลูกข้าวให้มีเม็ดพอเหมาะสำหรับการทำข้าวเม่า

 

ราคาข้าวเม่าที่ขายอยู่ที่ กิโลกรัมละ 120 บาท สำหรับขายส่ง และ 140-150 บาท สำหรับขายปลีก โดยช่วงหลังมานี้ นางเกตธิดาจะเน้นขายส่งเป็นหลัก เนื่องจากมีแม่ค้าในหมู่บ้านเดียวกันมาซื้อไปขายที่ตลาดในตัวอำเภอตระการพืชผลทุกวัน นอกจากนี้ยังมีการเปิดขายออนไลน์และแพ็คสินค้าส่งต่างจังหวัด ทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นจนบางครั้งผลิตไม่ทัน

 

นางเกตธิดายังกล่าวถึงรายได้จากการขายข้าวเม่าว่า หากซื้อต้นข้าวจากคนอื่นมาทำ จะมีรายได้วันละ 2-3 พันบาท แต่ถ้าข้าวในนาตัวเองก็จะได้รายได้ดีขึ้นประมาณวันละ 4-5 พันบาท และรายได้รวมในหนึ่งเดือนจะอยู่ที่ 90,000 – 150,000 บาท ขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำงาน

กรรมวิธีการทำข้าวเม่านั้นเริ่มจากการเลือกข้าวเหนียวที่เหมาะสมจากหมู่บ้านใกล้เคียง และขูดข้าวให้ได้ขนาดที่พอเหมาะ ก่อนจะนำไปนึ่ง 30 นาที แล้วคั่วจนมีกลิ่นหอม จากนั้นจะนำไปตำในครกโดยใช้เครื่องยนต์รถอีแต๋นหรือตามด้วยแรงงานคนบางส่วน เพื่อให้ได้ข้าวเม่าที่มีคุณภาพ ซึ่งทุกขั้นตอนต้องใช้ความประณีตเพื่อรักษาความนุ่มและหอมของข้าวเม่า

 

 

โดยการทำข้าวเม่าในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการผลิต โดยใช้เครื่องจักรและรถไถนาเดินตามในการตำแทนแรงงานคน การพัฒนาเทคโนโลยีนี้ช่วยให้การผลิตข้าวเม่าเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อความต้องการของตลาด

 

 

นับว่า นางเกตธิดาและสามีสามารถพิชิตความยากจนและสร้างรายได้หลักแสนต่อเดือนได้สำเร็จจากการทำข้าวเม่า เป็นตัวอย่างที่ดีในการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้สร้างรายได้ให้กับครอบครัว และเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาดั้งเดิมให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และทำตาม

 

กิตติภณ  เรืองแสน / จ.อุบลราชธานี / รายงาน.

 

หน้าแรก » ภูมิภาค