วันเสาร์ ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2568 03:54 น.

สังคม-สตรี

รักษาโรคสะเก็ดเงิน ด้วยตัวเองได้หรือไม่ ถ้าไม่หายทำยังไงดี

วันศุกร์ ที่ 03 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 16.32 น.

หลายคนอาจเคยเจอผื่นแดง มีสะเก็ดขาว ๆ ขึ้นตามผิวหนัง แล้วสงสัยว่า…นี่ใช่สะเก็ดเงินหรือเปล่า? โดยโรคสะเก็ดเงินแม้จะไม่เป็นโรคติดต่อแต่ก็สร้างความกังวลใจเป็นอย่างมาก เพราะผื่นมักขึ้นซ้ำ ๆ และรักษาเองเท่าไรก็ไม่ค่อยหายสนิท บทความนี้จะพาทุกคนมารู้จักอาการและสาเหตุของโรครวมถึงการรักษาสะเก็ดเงิน อาการเริ่มแรกสังเกตยังไง และถ้าลองรักษาเองแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรทำอย่างไรต่อดี 

สะเก็ดเงิน คืออะไร

สะเก็ดเงิน (Psoriasis) เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังชนิดหนึ่งที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ผิวหนังมีการแบ่งตัวของเซลล์เร็วกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวชั้นนอก กลายเป็นผื่นแดง แห้ง และมีสะเก็ดสีขาวหรือเงินปกคลุม จึงถูกเรียกว่าสะเก็ดเงิน โรคนี้จริง ๆ แล้วไม่ใช่โรคติดต่อ แต่สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างมาก ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพราะลักษณะผิวหนังที่เห็นความผิดปกติชัดเจนและอาจเกิดซ้ำเรื้อรังได้

สะเก็ดเงิน ทำไมถึงรักษาเองได้ยาก

หลายคนเมื่อเริ่มมีอาการสะเก็ดเงินก็มักจะพยายามหาวิธีรักษาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาทาสมุนไพร การลองครีมบำรุงผิว หรือการเปลี่ยนอาหาร แต่สาเหตุที่โรคนี้รักษาเองได้ยากมีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น

1. เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน

สะเก็ดเงินไม่ได้เกิดจากผิวหนังอย่างเดียว แต่มีต้นเหตุมาจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำให้เซลล์ผิวแบ่งตัวเร็วกว่าปกติ การรักษาด้วยตัวเองจึงไม่สามารถแก้ที่ต้นเหตุได้

2. สะเก็ดมีหลายชนิดและความรุนแรงแตกต่างกัน

สะเก็ดเงินมีหลายชนิด เช่น ชนิดคราบเกล็ด (Plaque Psoriasis) ชนิดตุ่มหนอง (Pustular Psoriasis) หรือชนิดที่ส่งผลต่อข้อต่อ (Psoriatic Arthritis) ซึ่งแต่ละแบบต้องใช้การรักษาที่แตกต่างกันไป การรักษาด้วยวิธีเดียวกันโดยไม่ทราบชนิด จึงอาจไม่ได้ผล

3. อาการมักกำเริบเป็นระยะ

แม้อาการจะทุเลาลงแล้ว แต่สะเก็ดเงินสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ง่ายจากปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ อาหารบางชนิด แอลกอฮอล์ หรือแม้กระทั่งการติดเชื้อ ซึ่งการรักษาด้วยตัวเองมักไม่สามารถควบคุมปัจจัยเหล่านี้ได้หมด

 4. การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้อาการแย่ลง

บางคนอาจหาซื้อยาทาสเตียรอยด์หรือยาลดอาการอักเสบมาใช้เองโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ หากใช้ไม่ถูกวิธีหรือหยุดกะทันหัน อาจทำให้ผิวหนังบางลง หรือต้องเผชิญกับอาการกำเริบที่รุนแรงกว่าเดิม

5. สะเก็ดเงินส่งผลต่อจิตใจและคุณภาพชีวิต

ความเครียดและความกังวลจากโรคสะเก็ดเงินอาจยิ่งกระตุ้นให้อาการกำเริบ การดูแลเพียงด้านร่างกายแต่ยังเครียด ยังวิตกกังวล ไม่พอที่ควบคุมอาการไม่ให้รุนแรงขึ้นได้

สะเก็ดเงิน อาการเริ่มแรกดูยังไง

อาการของโรคสะเก็ดเงินที่พบได้บ่อย คือ

  • มีผื่นแดงเล็ก ๆ บนผิวหนัง โดยเฉพาะที่ข้อศอก เข่า หนังศีรษะ และหลัง
  • มีสะเก็ดสีขาวหรือเงินปกคลุมบนผื่น
  • อาจมีอาการคัน แสบ หรือเจ็บร่วมด้วย
  • หากเป็นที่เล็บ จะเห็นเล็บหนา เปราะ หรือมีรอยบุ๋มเล็ก ๆ

หากพบสัญญาณเหล่านี้บ่อยครั้ง ควรเฝ้าระวังว่าอาจเป็นสะเก็ดเงินและปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่แน่ชัด

สะเก็ดเงิน รักษาด้วยตัวเองได้ไหม

หลายคนเมื่อเริ่มมีอาการสะเก็ดเงิน มักตั้งคำถามว่าสามารถรักษาเองได้ไหม คำตอบคือ ทำได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะการดูแลตัวเองสามารถช่วยบรรเทาอาการ ลดการอักเสบ และทำให้ผื่นไม่ลุกลามมากขึ้น แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งการดูแลตัวเองที่ช่วยให้อาการดีขึ้น สามารถทำได้ดังนี้

  • บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ เลือกใช้ครีมหรือโลชั่นที่ไม่มีน้ำหอมและสารระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงการเกาและขัดผิวแรง ๆ เพราะจะทำให้ผื่นแดงและสะเก็ดหนาขึ้น
  • รับประทานอาหารที่สมดุล เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช และปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ลดอาหารมัน ของทอด และแอลกอฮอล์
  • พักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียด เพราะความเครียดเป็นปัจจัยที่ทำให้โรคสะเก็ดเงินกำเริบง่าย
  • ดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยตัวเองจะช่วยเพียงควบคุมอาการของโรคสะเก็ดเงิน ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ หากทราบแล้วว่าตนเองเป็นสะเก็ดเงินในระดับปานกลางถึงรุนแรง ควรต้องใช้การรักษาทางการแพทย์ร่วมด้วย

สะเก็ดเงิน เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์

แม้ว่าการดูแลตัวเองจะช่วยได้ในระดับหนึ่งที่ไม่ให้อาการมันลุกลามมากขึ้นแล้ว แต่หากพบว่ายังมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนังทันที คือ

  • อาการไม่ดีขึ้น หลังจากพยายามดูแลตัวเองต่อเนื่อง 2–4 สัปดาห์
  • ผื่นลุกลามเป็นวงกว้างหรือมีอาการที่หนังศีรษะ เล็บ หรือข้อต่อ
  • มีอาการเจ็บ ปวด หรือคันรุนแรง จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
  • เริ่มมีปัญหาที่เล็บหรือข้อกระดูก เช่น เล็บหนา แตก เปราะ ข้อบวม เจ็บหรือเคลื่อนไหวลำบาก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน (Psoriatic Arthritis)
  • มีผลต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิต เช่น สูญเสียความมั่นใจ ไม่กล้าเข้าสังคม หรือเกิดความเครียดสะสม

แพทย์จะช่วยวินิจฉัยระดับความรุนแรงของโรคและเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นยาทา ยารับประทาน ยาฉีด หรือการฉายแสง เพื่อควบคุมอาการให้ดีขึ้นอย่างปลอดภัย

 วิธีรักษาสะเก็ดเงิน เมื่อรักษาด้วยตัวเองแล้วไม่หาย

หากลองดูแลตนเองแล้วอาการสะเก็ดเงินยังไม่ดีขึ้น หรือกลับกำเริบหนักขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะปัจจุบันมีหลายแนวทางที่ช่วยควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่

1.ยาทาเฉพาะที่ (Topical Treatment)

เป็นการรักษาขั้นแรกที่แพทย์มักใช้ในผู้ป่วยสะเก็ดเงินระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ตัวอย่างเช่น

  • ยาสเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบและควบคุมผื่น
  • ยาที่มีวิตามินดีสังเคราะห์ ช่วยชะลอการแบ่งตัวของเซลล์ผิว
  • น้ำมันดิน (Coal Tar) หรือกรดซาลิไซลิก เพื่อลดการหนาของสะเก็ดและช่วยให้ผิวหลุดลอกง่ายขึ้น

 2. การฉายแสง (Phototherapy)

การใช้แสงอัลตราไวโอเลต (UVB) ในการรักษา ช่วยควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์ผิวที่ผิดปกติ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสะเก็ดเงินในระดับปานกลางและไม่ได้ผลจากยาทา

3. ยารับประทาน (Systemic Therapy)

หากสะเก็ดเงินลุกลาม แพทย์อาจแนะนำยารับประทาน เช่น

  • เมโธเทรกเซท (Methotrexate) ยาที่ช่วยลดการอักเสบและควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน
  • ไซโคลสปอริน (Cyclosporine) ยากดภูมิคุ้มกันสำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง
  • อะซิเตรติน (Acitretin) กลุ่มยาวิตามินเอที่ช่วยควบคุมการเจริญของผิวหนัง

ซึ่งการรักษาแต่ละแบบขึ้นอยู่กับความรุนแรง ตำแหน่งที่เป็น และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย จึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ดูแลตัวเองอย่างไรให้สะเก็ดเงินไม่กำเริบ

แม้สะเก็ดเงินจะเป็นโรคเรื้อรังที่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมไม่ให้กำเริบได้ หากดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เช่น

  • เลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพิ่มผักผลไม้ ธัญพืช ปลา และลดอาหารที่ก่อการอักเสบ
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันและควบคุมน้ำหนัก
  • ลดความเครียด ด้วยกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น โยคะ สมาธิ หรือการฟังเพลง
  • งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ เพราะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้สะเก็ดเงินกำเริบ
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว เช่น สบู่หรือแชมพูสูตรอ่อนโยน ไม่มีน้ำหอมแรง
  • พักผ่อนเพียงพอ ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานสมดุล

 สรุป

สะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ แต่สร้างผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเราเป็นอย่างมาก การรักษาด้วยตัวเอง เช่น การบำรุงผิว เลือกอาหารที่เหมาะสม และจัดการความเครียด อาจช่วยบรรเทาอาการได้ แต่หากถ้าพบว่าอาการไม่ดีขึ้นเลย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัย ซึ่งการดูแลตนเองควบคู่กับการรักษาทางการแพทย์จะช่วยควบคุมโรคสะเก็ดเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจมากขึ้นด้วย



 

 

 


 

 

 

หน้าแรก » สังคม-สตรี