สังคม-สตรี
กระแดด คืออะไร? รู้ให้ทันก่อนผิวหมองคล้ำ แนวทางรักษาและดูแลให้ถูกวิธีก็หายได้
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
เวลาไปเที่ยวทะเลหรือขับรถกลางแดดแรง ๆ แล้วอยู่ ๆ ก็เห็นจุดสีน้ำตาลขึ้นบนแก้ม สันจมูก หรือหลังมือ หลายคนอาจคิดว่าเป็น “ฝ้า” หรือ “กระธรรมดา” แต่จริง ๆ แล้วสิ่งนั้นคือ “กระแดด” ซึ่งเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย ๆ โดยเฉพาะในบ้านเราที่ต้องใช้ชีวิตท้าแดดทุกวัน
แต่อย่าเพิ่งนอยด์ไป เพราะ กระแดดไม่ใช่โรคผิวหนังอันตรายและสามารถรักษาให้จางลงหรือหายได้จริง! แค่เข้าใจสาเหตุ รู้วิธีรักษา-ดูแลผิวให้ถูกทาง และป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ เท่านี้ก็สามารถมีผิวใสเรียบเนียนได้อีกครั้ง
รู้จักกระแดดคืออะไร? กันหน่อยดีกว่า
“กระแดด” หรือชื่อทางการแพทย์ว่า Solar Lentigines คือ จุดสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม ที่เกิดขึ้นบนผิวหนังหลังสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน รังสี UV โดยเฉพาะ UVB และ UVA จะไปกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocytes) ให้ทำงานมากกว่าปกติ ผลก็คือ ผิวบริเวณนั้นจะมีเม็ดสีสะสมมาก จนเห็นเป็นจุดหรือดวงสีน้ำตาลเล็ก ๆ กระจายอยู่
จุดสังเกตคือ “กระแดด” มักขึ้นบริเวณที่โดนแดดบ่อย เช่น โหนกแก้ม สันจมูก หน้าผาก หลังมือ หรือหน้าอก แตกต่างจาก “กระพันธุกรรม” ที่มักเริ่มขึ้นตั้งแต่วัยเด็กและมักมีสีเข้มกว่า
ส่วนใหญ่กระแดดมักพบในคนอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง, ขับรถเป็นประจำ หรืออยู่ในแสงแดดจัดนาน ๆ
สาเหตุที่ทำให้เกิดกระแดด มีอะไรบ้าง?
.jpg)
หลายคนคิดว่ากระแดดเกิดเพราะ “โดนแดดแค่ไม่กี่วัน” แต่จริง ๆ แล้วมันเกิดจากการสะสมของรังสี UV ในผิวมานานหลายปี ยิ่งผิวโดนแสงแดดโดยไม่ป้องกันเลย และเป็นเช่นนี้บ่อย ๆ เม็ดสีก็จะยิ่งผลิตมากขึ้นเรื่อย ๆ
ต้นเหตุหลักของกระแดด เพราะ UVB ทำให้ผิวไหม้ ส่วน UVA จะลงลึกถึงชั้นหนังแท้ กระตุ้นเม็ดสีเมลานินให้ทำงานเกินจำเป็น
การละเลยผลิตภัณฑ์กันแดดคือสาเหตุอันดับต้น ๆ ที่ทำให้ผิวคล้ำและเกิดกระแดด โดยเฉพาะคนที่ออกแดดทุกวัน เช่น ขับรถ หรือเดินทางกลางแจ้ง
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะซ่อมแซมตัวเองได้ช้าลง ทำให้เม็ดสีสะสมง่ายและกระจ่างยากขึ้น
บางคนมีพันธุกรรมที่ไวต่อแสงแดดมากกว่าคนอื่น จึงเกิดกระแดดได้ง่าย แม้จะโดนแดดเพียงไม่นาน
ลักษณะกระแดดที่สังเกตได้ง่าย ๆ
- จุดสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม ขนาดเล็กประมาณ 2–10 มิลลิเมตร
- ผิวเรียบ ไม่นูน ไม่เจ็บ
- สีเข้มขึ้นเมื่อโดนแดด
- ไม่มีอาการคันหรืออักเสบ
- มักเกิดบริเวณใบหน้า หลังมือ แขน หรือหน้าอก
กระแดดต่างจากฝ้า ยังไง?
หลายคนอาจสับสนว่าที่เห็นเป็น “กระ” หรือ “ฝ้า” กันแน่ เพราะทั้งคู่มักเกิดจากแสงแดดเหมือนกัน แถมขึ้นบริเวณใบหน้าในตำแหน่งใกล้เคียงกันอีกต่างหาก แต่จริง ๆ แล้ว “กระแดด” กับ “ฝ้า” มีความต่างกันอยู่พอสมควร
มักเกิดจากรังสี UV ที่มากระตุ้นให้เม็ดสีเมลานินผลิตมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในคนที่มีผิวขาวหรือผิวบาง เมื่อโดนแดดบ่อย ๆ จะเห็นเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลเข้ม กระจายตามโหนกแก้ม จมูก หรือหน้าผาก
ฝ้าจะต่างออกไป เพราะไม่ได้เกิดจากแสงแดดอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน และ พันธุกรรมด้วย ทำให้เม็ดสีใต้ผิวถูกกระตุ้นให้ผลิตมากผิดปกติ จนเกิดเป็นปื้นสีเข้ม ไม่ใช่จุดเล็ก ๆ แบบกระแดด เพราะลักษณะของฝ้ามักเป็น แผ่นสีน้ำตาลหรือเทาอมดำ บริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก เหนือริมฝีปาก เป็นต้น อีกอย่างเวลาอยู่ในที่ร่มสีจะไม่จางลงด้วย
วิธีรักษากระแดดให้จางลงอย่างปลอดภัย
ใครที่กำลังหมดหวัง ท้อ กังวลกับสภาพผิวตัวเองที่กำลังเผชิญกับกระแดด ต้องบอกว่าจริงๆ แล้ว สามารถรักษาให้จางลงได้ และทำให้ผิวกลับมาสวยได้อีกครั้ง ด้วยวิธีรักษาที่ปลอดภัย ดังนี้
เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี เช่น
- Vitamin C ลดเม็ดสีและปรับผิวให้ดูสว่าง
- Niacinamide ลดรอยหมองคล้ำและฟื้นเกราะผิว
- Arbutin / Kojic Acid / Licorice Extract ยับยั้งเอนไซม์ที่กระตุ้นเม็ดสีเมลานิน ซึ่งควรใช้เป็นประจำวันละ 2 ครั้ง ร่วมกับการทาครีมกันแดดทุกเช้า
การผลัดเซลล์ผิวเป็นเหมือนการรีเฟรชผิว ให้กลับมาสดใสขึ้น โดยจะใช้กรดผลไม้ (AHA / BHA) หรือสารผลัดเซลล์เฉพาะที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำให้หลุดออก เผยผิวใหม่ที่เรียบเนียนและกระจ่างใสกว่าเดิม
.jpg)
เทคโนโลยีเลเซอร์แก้ปัญหาเม็ดสีผิว ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน มีหลายแบบ ได้แก่
เลเซอร์ยอดฮิต ที่ช่วยจัดการเม็ดสีเมลานินใต้ผิวได้ตรงจุด เหมาะกับคนที่มีรอยกระ รอยดำจากแดด หรือจุดด่างดำที่ฝังลึก ทำให้ผิวดูสว่างใสขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ทำให้ผิวบาง เหมาะกับทุกสภาพผิวเลย
รุ่นใหม่มาแรงในปีนี้จริง ๆ เพราะใช้พลังงานความเร็วสูงระดับพิโควินาที (เร็วกว่า Q-switch หลายเท่า) ทำให้เม็ดสีแตกละเอียดขึ้น จึงเห็นผลไวกว่า ฟื้นตัวเร็วกว่า และยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าช่วยทั้งเรื่อง กระ, จุดดำและรูขุมขนไปพร้อมกันเลย
แม้จะไม่ใช่เลเซอร์แท้ ๆ แต่เป็นแสงพลังงานที่ช่วยลดความหมองคล้ำและรอยแดงจากแดดได้ดี เหมาะกับคนที่ผิวไว ต้องการดูแลแบบอ่อนโยน ไม่ต้องพักฟื้นนาน แถมยังช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมออีกด้วย
เคล็ดลับป้องกันไม่ให้กระแดดกลับมา
แม้จะรักษาจนจางแล้ว แต่ถ้ายังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมเดิม ๆ กระแดดก็มีสิทธิ์กลับมาได้อีก
การป้องกันคือหัวใจสำคัญของการดูแลผิวหลังรักษา
ทาครีมกันแดดให้เป็นนิสัย
เลือก SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA+++ และทาก่อนออกแดด 15-20 นาที ซึ่งต้องทาซ้ำทุก 2–3 ชั่วโมงเมื่ออยู่กลางแจ้ง อย่าลืมทาบริเวณคอ หลังมือ และหู เพราะมักโดนแดดโดยไม่รู้ตัว
หลีกเลี่ยงแดดจัด
พยายามหลบแดดช่วง 10.00-16.00 น. แต่หากจำเป็นต้องออก ควรสวมหมวกปีกกว้าง เสื้อแขนยาว หรือพกร่มกัน UV
กินอาหารที่ช่วยบำรุงผิว
ผักผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามิน C, E และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ส้ม เบอร์รี กีวี อะโวคาโด
จะช่วยให้ผิวแข็งแรงและฟื้นตัวจากรังสี UV ได้ดีขึ้น
ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ
ร่างกายที่ได้รับน้ำเพียงพอจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ฟื้นตัวเร็ว และดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
เทรนด์ดูแลผิวห่างไกลกระแดดปี 2025
ปีนี้วงการสกินแคร์พัฒนาไปไกลมาก ครีมกันแดดและครีมบำรุงรุ่นใหม่ ๆ ไม่ได้แค่ป้องกัน UV แต่ยังช่วย ซ่อมผิวและลดรอยกระแดดไปพร้อมกัน เช่น
กันแดดสูตรบางเบา (Lightweight Formula)
เหมาะสุด ๆ สำหรับคนที่ไม่ชอบความรู้สึกเหนอะหนะหลังทาครีม เพราะสูตรนี้จะบางเบาเหมือนทาโลชั่น ซึมเข้าผิวไว ไม่ทิ้งคราบขาว แถมยังไม่ทำให้หน้ามันระหว่างวัน เหมาะกับทั้งสายแต่งหน้าและสายสกินแคร์ล้วน ใครอยู่เมืองไทยที่อากาศร้อนอบอ้าวต้องเลิฟแน่นอน
กันแดดผสมสกินแคร์ (Skincare-Infused Sunscreen)
สูตรนี้เหมือนครีมบำรุงกับกันแดดรวมร่างกันเลย เช่น ใส่วิตามิน C, E หรือ Niacinamide จึงไม่ใช่แค่ปกป้องจากรังสี UV แต่ยังช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส ลดจุดด่างดำ และฟื้นฟูผิวที่โดนแดดทำร้าย เหมาะกับคนที่อยากลดสเต็ปสกินแคร์ในตอนเช้า
กันแดดลดแสง Blue Light
สำหรับคนที่ทำงานหน้าคอม หรือใช้มือถือบ่อย ช่วยป้องกันแสงสีฟ้าที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ
ทุกวันนี้เราเจอแสงจากจอทั้งวัน ทั้งคอม, มือถือ หรือแท็บเล็ต ซึ่งแสงสีฟ้าเหล่านี้ก็ทำร้ายผิวได้เหมือนแดดเลยนะ กันแดดสูตรนี้เลยตอบโจทย์สายออฟฟิศหรือคนติดมือถือเลยล่ะ
กันแดดสูตร Reef-safe
ใครชอบไปทะเลต้องถูกใจ เพราะกันแดดสูตรนี้ไม่มีสารที่ทำลายระบบนิเวศทางทะเลอย่าง Oxybenzone หรือ Octinoxate ใช้แล้วทั้งผิวปลอดภัยและโลกก็แฮปปี้ด้วย เหมาะกับสายธรรมชาติและคนที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ
กระแดดต้องหนักแค่ไหน ถึงควรพบแพทย์ผิวหนัง
- กระแดดเริ่มเข้มขึ้นจนแต่งหน้าไม่มิด
- ซื้อครีมหรือเซรั่มมาใช้เองแล้วไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 เดือน
- มีอาการแสบ-แดง หรือระคายเคืองผิวหลังใช้ผลิตภัณฑ์
- ต้องการรักษาให้จางไว ปลอดภัย ด้วยเลเซอร์หรือทรีตเมนต์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ
สรุป
กระแดด ยังไงก็สามารถรักษาให้จางลงได้ หากเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมกับระดับปัญหาผิว ณ ตอนนั้น ดังนั้น หากตอนนี้ใครที่กำลังเป็นกระแดดอยู่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะรักษายังไงดี วิธีที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่การเข้าร้านขายยาแล้วซื้อยามาทาเอง แต่คือการเข้าพบคุณหมอผิวหนัง พูดคุยและปรึกษาเพื่อหาวิธีรักษา เพราะไม่เสี่ยงผิวพังจากการลองผิด ลองถูก และยังช่วยให้ผิวกลับมาสวยกระจ่างใสไร้กระแดดได้ไวและปลอดภัยอีกด้วย
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » สังคม-สตรี
ข่าวในหมวดสังคม-สตรี ![]()
ททท. จับมือพันธมิตรต้อนรับ นทท. ต่างประเทศ ชูตราสัญลักษณ์ “Trusted Thailand” ขับเคลื่อนรายได้ 2.8 ล้านล้านบาทในปี 69 12:12 น.- "ซ้อหมิว ทรงสิริ" CEO FANA Brand ร่วมส่งกำลังใจ ทีมหมอนทองวิทยา ลงพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจเยาวชนไทย 16:30 น.
- กทม.มอบรางวัล “โรงเรียนติดดาว” และ “ครูผู้พิทักษ์” ปี 3 เดินหน้าต่อยอดสร้างเครือข่ายโรงเรียนต้นแบบความปลอดภัยทางถนน 14:00 น.
- เสวนา “ปลาหมอคางดำ…พระเอกหรือผู้ร้าย” เปิดมุมมองใหม่ต่อสิ่งมีชีวิตที่อาจถูกเข้าใจผิด 13:12 น.
- สยาม ทาคาชิมายะ ณ ไอคอนสยาม จัดงาน THE WAGASHI Japanese Foods, Crafts & IKEBANA พร้อมจัดเต็มโปรโมชันลดทั้งห้างสูงสุด 50% แทนคำขอบคุณ 7 ปีที่เคียงข้างกัน 12:38 น.



