รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ประชุมคณะกรรมการจัดซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 มุ่งเตรียมความพร้อมสู่เจ้าภาพที่ดี

วันที่ 18 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ครั้งที่ 4/2568 ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมี นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและโฆษกกระทรวงฯ, นายจักรพรรดิ์ คล่องพยาบาล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายต้น ณ ระนอง คณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ, การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

นายสรวงศ์ เทียนทอง เปิดเผยว่า การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 จะจัดพิธีเปิด ณ สนามหลวง และพิธีปิด ณ ราชมังคลากีฬาสถาน ขณะที่กีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 จะจัดพิธีเปิดที่บริเวณลานย่าโม หรืออุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จังหวัดนครราชสีมา และพิธีปิด ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือกับจังหวัดเจ้าภาพอย่างใกล้ชิด

“กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย กกท. ได้เร่งดำเนินการเตรียมความพร้อมในทุกมิติ เพื่อให้การเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ประสบความสำเร็จสมศักดิ์ศรี ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อให้งานระดับภูมิภาคครั้งนี้สร้างความประทับใจแก่ผู้ร่วมแข่งขันและผู้ชมจากทั่วอาเซียน” นายสรวงศ์กล่าว

ในการประชุมครั้งนี้ ยังได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รวมถึงการถ่ายทอดสดการแข่งขันผ่านทางสถานี NBT และโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับชมการแข่งขันอย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงแนวทางการจัดหาแหล่งรายได้และสิทธิประโยชน์จากผู้สนับสนุน โดยจะมีสิทธิประโยชน์ตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐที่ร่วมสนับสนุนโครงการ “1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ” เพื่อยกระดับการจัดการแข่งขันทั้งในด้านมาตรฐานและภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตานานาชาติ

ทั้งนี้ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ และอาเซียนพาราเกมส์ ถือเป็นเวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางกีฬาแห่งภูมิภาค และเป็นโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ประเทศผ่านพลังของกีฬาอย่างแท้จริง