“หนี้นอกระบบ”

“หนี้นอกระบบ”

 

ปัญหา “หนี้นอกระบบ” มีมายาวนานแล้วเจ้าค่ะ

           

“หนี้นอกระบบ” กับ “ดอกเบี้ยมหาโหด” ดูเหมือนจะอยู่คู่กันมายาวนานกับสังคมไทย และน่าเชื่อด้วยว่าน่าจะยังอยู่คู่กับสังคมไทยไปอีกนาน

               

ตราบเท่าที่ “คนยาก-คนจน-คนชั้นรากหญ้า” ยังคงมีอยู่

 

ตราบเท่าที่ปัญหา “หนี้สิน” และสภาวะปัญหา “หนี้สินล้นพ้นตัว”

 

ยังไม่สามารถแก้ไขหรือบรรเทาเยียวยาให้หมดไปหรือลดน้อยลงไปได้

 

ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจ “ปลดหนี้” และ “ปลอดหนี้” ได้เจ้าค่ะ

               

และถ้าสถานการณ์ยังคงดำรงคงอยู่เช่นนี้ ปัญหาอันว่าด้วย “หนี้นอกระบบ” กับ “ดอกเบี้ยมหาโหด” ก็ยากที่จะแก้ไขหรือบรรเทาเยียวยาให้หมดไปหรือลดน้อยลงไปได้เจ้าค่ะ

               

ล่าสุด “ครม.” ก็มีมติในการแก้ไขปัญหาเรื่องของ “หนี้นอกระบบ”

 

และ “ก.การคลัง” ก็ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือถึงมติ “ครม.” ในการแก้ไขปัญหา “หนี้นอกระบบ” เพื่อ “ขับเคลื่อน” อย่างเป็น “รูปธรรม” ร่วมกัน

 

“สมชัย สัจจพงษ์” ปลัด ก.การคลัง บอกว่า ที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหา “หนี้นอกระบบ” มักจะทำเป็นส่วนๆ

 

ซึ่งตามมติ “ครม.” ได้เปิดโอกาส “เจ้าหนี้นอกระบบ”

 

มาเป็นผู้ประกอบการ “พิโคไฟแนนซ์” เพื่อทำการปล่อยกู้อย่างถูกกฎหมาย

 

โดยขณะนี้ ก.การคลัง อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม และจะเปิดให้ขอทำ “พิโคไฟแนนซ์” ในเร็วๆ นี้

            “

จากนี้ไปหาก ‘เจ้าหนี้นอกระบบ’ รายใด

 

ยังปล่อยกู้คิดดอกเบี้ยเกินกว่า 15% จะถูกปรับ ซึ่งอยู่ระหว่างแก้ไขกฎหมาย ก.ยุติธรรม กำหนดโทษเพิ่มเติม มีทั้งโทษปรับและจับติดคุก จากขณะนี้ปรับอย่างเดียว

 

ระหว่างที่รอแก้ไขกฎหมายเรื่องดอกเบี้ย

 

จะขอความร่วมมือกับตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง”

 

นอกจากนี้ ยังจะมี “คณะกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้” ระดับจังหวัดมาช่วยดูแล

 

และธนาคารออมสิน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะตั้งหน่วยงานในองค์กรขึ้นมาดูแล “หนี้นอกระบบ” เป็นการเฉพาะ

 

รวมถึงจะมี “คณะกรรมการฟื้นฟู” เพื่อช่วยกลุ่มลูกหนี้ดังกล่าวให้มีอาชีพ เพื่อจะได้ไม่กลับมาเป็น “หนี้นอกระบบ” อีก

 

ซึ่งคาดว่าแนวทางทั้งหมดจะช่วยแก้ปัญหา “หนี้นอกระบบ” ได้อย่างยั่งยืนเจ้าค่ะ

               

นี่เป็นอีกความพยายามที่จะแก้ปัญหา “หนี้นอกระบบ” และ “ดอกเบี้ยมหาโหด” เจ้าค่ะ

           

ส่วนจะเป็นจริงได้แค่ไหนนั้น สังคมคงต้องช่วยกันจับตาอย่างใกล้ชิดเจ้าค่ะ!!!

 

คุณนายกิมฮวย