วันศุกร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 00:30 น.

การเมือง » คอลัมน์

เลขที่ 1 ซอยปลื้มมณี

บ้านเมืองออนไลน์ : วันพุธ ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2562, 15.32 น.

วิบากกรรม “เซ็นทรัลวิลเลจ” กับ 9 ปมร้อน

 

วิบากกรรม “เซ็นทรัลวิลเลจ” กับ 9 ปมร้อน

ร้อนระอุท่ามกลางฤดูฝน “ลักซูรี่เอาท์เล็ต” โครงการ 5 พันล้าน ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ กำลังเผชิญกับ 9 ปมวิบากกรรม “ตาพญา” สวมบทโหรฟันธง เรื่องนี้กำลังจะกลายเป็นมหากาพย์ ดุจหนังชีวิตที่ต้องติดตามดูกันยาวๆ กับคดีความที่จะตามมาอีกมากมายหรือไม่ ทั้งการ “ฟ้องร้อง” และ “การร้องเรียน” ที่อาจตามหลอกหลอนอีกยาวนาน

“ตาพญา” ทราบมาว่า โครงการเซ็นทรัลวิลเลจ ลักซูรี่เอาท์เล็ต (International Luxury Outlet) ของ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) แห่งนี้ มีมูลค่าลงทุนสูงกว่า 5,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ด้านถนนบางนา-ตราด หลัก กม.13 บนพื้นที่ 100 ไร่ ใกล้ทางเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ กำลังก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ และมีแผนเตรียมเปิดภายในปีนี้ ประมาณเดือนสิงหาคม 2562 ที่จะถึงนี้ ส่วนจะ “เปิด” ได้จริงตามฤกษ์ยามหรือไม่ “ตาพญา” ไม่กล้าฟันธง !!

“ตาพญา” ส่องดูลายละเอียดของบิ๊กโปรเจกต็นี้แล้ว ถือว่ายิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา “โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ” ใช้พื้นที่โครงการกว่า 40,000 ตารางเมตร บนเนื้อที่ 100 ไร่ ภายในจะประกอบไปด้วย ร้านค้าแบรนด์เนมระดับโลก 235 ร้านค้า โรงแรมหรู , ร้านอาหาร , สนามเด็กเล่น , จุดบริการนักท่องเที่ยว ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิแค่ 10 นาที เพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้แวะช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม ในราคาสุดพิเศษ เช่น Polo Ralph Lauren , Kenzo , Vivienne Westwood , CK Jeans , Adidas , Matter Makers , Guess , Converse, Superdry, Rip Curl , Roxy , Quiksilver โครงการนี้ “เซ็นทรัลฯ” ตั้งเป้าเป็นจุดแวะช้อปปิ้งของนักท่องเที่ยววันละ 17,000 คนต่อวัน ทั้งขาเข้าและขาออกที่เดินทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ

แม้ “บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)” จะออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ยืนยันการดำเนินการทุกขั้นตอนของโครงการฯเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ยืนยันได้ยื่นขออนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการทุกประการแล้วก็ตาม ทว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ “ตาพญา” พบว่ายังมีสารพัดปัญหาเป็น “ปมร้อน” ที่ต้องรอการตรวจสอบ มีข้อสงสัยยังต้องรอการพิสูจน์ข้อเท็จจริง มีข้อร้องเรียนและการท้วงติงระหว่างหน่วยงานราชการที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ อย่างที่ “ตาพญา” ว่าไว้ข้างต้น “ลักซูรี่เอาท์เล็ต” 5 พันล้าน กำลังกลายเป็นหนังชีวิตต้องดูกันยาวๆๆ

สารพัดปัญหาที่ว่า “ตาพญา” รู้มาว่ามี “หนังสือ” สอบถามกันไปมาระหว่าง “เอกชน” กับ “หน่วยงานรัฐ” และหนังสือระหว่าง “หน่วยงานรัฐ” กับ “หน่วยงานรัฐ” ทั้งการถามกันไป-ตอบกันมา ทั้งการโยนกันไป-โยนกันมา ทั้งโบ้ยกันไป-โบ้ยกันมา นับแล้วก็หลายฉบับ หลายเรื่องยังไม่ได้ข้อยุติ หลายเรื่องยังไม่เคลียร์ ไม่ว่าปมปัญหา รุกล้ำที่ดินสาธารณะหรือไม่ , ถมดินทับลำรางสาธารณะหรือไม่ , ปลูกสร้างในพื้นที่สีเขียว (ประเภทชนบทและเกษตรกรรม) ที่ไม่อนุญาตให้สร้างโรงแรมและสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่หรือไม่ , ก่อสร้างในพื้นที่ดินตาบอดโดยไม่สามารถออกจากโครงการสู่ทางหลวงหรือไม่ , ก่อสร้างภายในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศหรือไม่ , บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างสามารถขออนุญาตก่อสร้างแทนเจ้าของโครงการได้หรือไม่ , กฎหมายการก่อสร้างกำหนดพื้นที่ตาบอดได้เพียง 200 ตารางเมตร แต่ออกใบอนุญาต 2,000 ตารางเมตรได้หรือไม่ , การแบ่งสัญญาขอใบอนุญาตก่อสร้าง 2,000 ตาราเมตร ครอบคลุม 40,000 ตารางเมตร ภายใต้โครงการเดียวกัน ทำได้หรือไม่ , มีการรุกล้ำแนวเขตที่ราชพัสดุ ทางหลวงหมายเลข 370 หรือไม่ ประสา “ตาพญา” ไม่ใช่ผู้มีอำนาจชี้ขาดปัญหา จึงไม่อาจกล้าพิพากษาโครงการนี้ว่าจะได้ “ไปต่อ” หรือ “ม้วนเสื่อ” กลับบ้าน

เปิดดูหนังสือหน่วยงานที่สอบถามกันไป-มาเกี่ยวกับปมปัญหาเรื่องเหล่านี้ “ตาพญา” อ่านแล้วมันเกี่ยวพันกับ เอกชน รัฐวิสาหกิจ และส่วนราชการต่างๆหลายส่วน ไม่ว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. , สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) , กรมท่าอากาศยาน (ทย.) , อตบ.บางโฉลง จ.สมุทรปราการ , ที่ดินราชพัสดุ กรมธนารักษ์ , แขวงทางหลวงสมุทรปราการ สังกัดกรมทางหลวง , สำนักงานที่ดิน จ.สมุทรปราการ สาขาบางพลี  และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนาฯ “ตาพญา” ไม่รู้อนาคตข้างหน้าจะมีหน่วยงานไหนโผล่เพิ่มมาอีกหรือไม่ และจะมีใครต้องเข้ามาร่วมเผชิญวิบากกรรมตามมาด้วยอีก

เอาล่ะ ไม่ว่าข้อสรุปแต่ละส่วนงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นยังไง แต่หลังมีปัญหาเกิดขึ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย ในฐานะเจ้าของพื้นที่และมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด 3 ฉบับ ถึง 3 หน่วยงาน คือ ฉบับที่ 1 เลขที่ ทอท.9433/2562 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2562 ถึง นายกอบต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ขอให้ตรวจสอบว่า บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้ก่อสร้าง โครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล วิลเลจ ในพื้นที่สีเขียวหรือไม่

ฉบับที่ 2 เลขที่ ทอท. 9434 /2562 วันที่ 27 มิถุนายน 2562 ถึง “ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย” เรื่องการก่อสร้างอาคารในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยระบุว่า บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาฯสร้างอาคารรุกลํ้าพื้นที่ราชพัสดุ ซึ่ง กรมธนารักษ์ มอบให้ ทอท. ใช้ประโยชน์ในกิจการท่าอากาศยาน โดยระหนังสือระบุด้วยว่า อาคารที่สร้างอาจมีปัญหาต่อความปลอดภัยด้านการบิน เพราะห่างจากหัวทางวิ่ง ในสนามบินสุวรรณภูมิ (01R) ไปทางทิศใต้ 2,000 เมตร ตั้งฉากไปในทางทิศตะวันตก 440 เมตร มีการนำทาวเวอร์เครน มาใช้ในงานก่อสร้างที่อาจกระทบต่อความปลอดภัยในการบิน จึงแจ้งให้สำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการต่อไป

และ หนังสือด่วนที่สุด ฉบับที่ 3 ลงเลขที่ ทอท. 9432/2562 วันที่ 27 มิถุนายน 2562 ถึง “อธิบดีกรมธนารักษ์” เรื่องขอดำเนินการกรณี บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) สร้างสิ่งปลูกสร้างรุกลํ้าที่ราชพัสดุ หลังพบว่าบริษัท เซ็นทรัลฯ ได้ทำทางเชื่อมเพื่อเป็นทางเข้า-ออกของโครงการ บริเวณถนนเชื่อมระหว่างถนนมอเตอร์เวย์ และถนนบางนา-ตราด ซึ่ง ทอท. ผู้ครอบครองพื้นที่ไม่อนุญาตให้ทำ ซึ่งการทำทางเชื่อมอาจทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคต่อการสร้างระบบสาธารณูปโภคในช่วงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะถัดไป เช่น การก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 115 kv นอกจากนี้ การพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังอยู่ในโครงการพัฒนา ระยะที่ 2 หากในอนาคตมีการพัฒนาเต็มรูปแบบ การจราจรในบริเวณทางเข้า-ออกทางทิศใต้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะทำให้มีปัญหาปริมาณการจราจรเพิ่มมากขึ้นด้วย

ที่ “ตาพญา” เห็นชัดเจนมากกว่านั้น คือทาง ทอท.ได้ยืนยันแล้วว่า ทางหลวงหมายเลข 370 เป็นพื้นที่พัสดุ ในความครอบครองของกรมท่าอากาศยาน และ มอบให้ ทอท.ใช้ประโยชน์อันเกี่ยวกับสนามบินสุวรรณภูมิเท่านั้น และสอดคล้องกับความเห็นของ คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 7) ระบุว่าจะนำถนนดังกล่าวไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นๆไม่ได้ และ ทอท.ยืนยัน ไม่อนุญาตให้บริษัทเซ็นทรัลฯ ใช้พื้นที่ด้วย 3 เหตุผลหลัก 1.ที่ดินดังกล่าวได้มาจากกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ การใช้ประโยชน์พื้นที่ ย่อมต้องมีพันธะที่จะต้องใช้ที่ดินที่ได้มาจากการเวนคืนตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืนตลอดไป 2.ปัจจุบันการพัฒนาศักยภาพสนามบินของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ยังอยู่ในโครงการพัฒนา ทสภ.ระยะที่ 2 ซึ่งยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ตามแผนการพัฒนา ทสภ. หากในอนาคตมีการพัฒนาพื้นที่ Full Phase แล้ว การจราจรในบริเวณทางเข้า-ออกหลัก ด้านทิศใต้ของ ทสภ. จะมีปริมาณการจราจรที่หนาแน่นกว่าในปัจจุบัน และ 3.การทำทางเชื่อมอาจทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคต่อการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคในช่วงการพัฒนา ทสภ. ระยะถัดไป เช่น การก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 115 kv ที่มีแนวก่อสร้างตามแนวทางหลวงหมายเลข 370 และ 34

เอาล่ะ เมื่อผีมาถึงป่าช้าแล้ว ยังไงก็ต้องเผา เมื่อ “ลักซูรี่เอาท์เล็ต” โครงการ 5 พันล้าน ก่อสร้างแล้วเสร็จยังไงก็ต้องเปิด ส่วนสารพัดปัญหาร้องเรียนจะจบลงก่อนหรือไม่ หรือไม่จบลงอย่างไร มันก็ต้องไปตายเอาดาบหน้า แต่บรรทัดนี้ “ตาพญา” อยากฝากเตือนถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ขอให้ยึดปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ของตัวเองอย่างรอบคอบ เพราะจะเป็น “เกราะ” ป้องกันตัวได้ดีที่สุด อย่าได้มีการซิกแซกกฎหมายแลกรับผลประโยชน์ หรือ เลี่ยงบาลีทางกฎหมายเพื่อช่วยเหลือเอกชน เพราะมันสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายหลายข้อ หากผิดพลาดไปจะกลายเป็นคดีความตามหลอกหลอนไปตลอดชีวิต ประสา “ตาพญา” เห็นตัวอย่างมาก็เยอะแล้ว ไม่ว่า คดีทุจริตโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน คดีทุจริตรถดับเพลิง คดีทุจริตจำนำข้าว คดีเงินทอนวัด ฯลฯ มี “ข้าราชการ” และ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ต้องตกเป็นจำเลยถูกลากเข้าไปติดคุกติดตารางกันหลายคน หลายคนต้องหนีออกนอกประเทศ เป็นอุทาหรณ์ให้ “ข้าราชการ” และ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ควรพึงสังวรณ์อย่างที่สุด

 

ตาพญา